1. TL
2. Channel
3. แนวรับ แนวต้าน กรอบราคา
4. Dow's Theory
5. Fibo วัดเป้า
6. RSI
7. EMA
8. MACD
9. Elloitt Wave
10. Stoch
11. Time Frame
เครื่องมือที่ตายตัว สามารถนำมาสร้างระบบได้
1. แนวรับ แนวต้าน กรอบราคา
2. EMA
3. MACD
4. Stoch
5. Dow's Theory
6. Time Frame
เครื่องที่ไม่แน่นอน ขึ้นอยู่กับ Trader
1. Elloitt Wave
2. Fibo
3. TL
4. Channel
5. RSI
EMA
1. Golden Cross
2. Dead Cross
3. Kneeing
4. EMA ห่างกันมาก แสดงว่า Trend แข็งแรง
5. การ Test EMA หลายรอบ มีโอกาสหลุดสูง
6. จุดกลับตัวของ Trend EMA จะปรับตัวเข้าหากันและเกิด Golden/Dead Cross ตามมา
MACD
1. ใช้บอก Trend หรือ Correction
2. MACD > 0 เป็น Trend ขาขึ้น
3. MACD < 0 เป็น Trend ขาลง
4. MACD Divergence
Elloitt Wave
1. ใช้บอกการจบและจุดเริ่มต้นของ Trend
2. เป็นแผนที่ให้เราว่าเราอยู่ตรงไหนของ Trend
3. รูปแบบของ EW มีหลายรูปแบบทั้ง Trend และ Correction
4. บอกเป้าหมายของ Trend ในแต่ละรูปแบบ Correction ที่เกิดขึ้น
5. การนับ EW ไม่มีใครนับถูก 100% เป็นการคาดการณ์ในอนาคต
Fibo
1. ใช้บอกเป้าหมายของรูปแบบราคาที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็น Fibo Extention, Projection, หรือ Retracement
2. ข้อดี Fibo ทำให้เราออกเป้าได้กินเต็ม Trend
3. ข้อเสีย Fibo คือ โอกาสที่เราจะขายหมูมีสูง ทำให้รอบนั้นเราได้กำไรน้อย ทั้งๆ ที่อาจจะได้กำไรเยอะ
4. ใช้บอกแนวรับแนวต้านได้ โดยเฉพาะเมื่อแนว Fibo ไปตรงกับแนวรับแนวต้านจะทำให้มีนัยยะมากขึ้น
แนวรับ แนวต้าน กรอบราคา
1. แนวรับแนวต้าน หาจากจุดที่ราคาเด้งหลายครั้ง
2. เมื่อเราตีแนวรับแนวต้านได้ เราจะได้กรอบราคาโดยอัตโนมัติ
3. การวิ่งของราคาคือ เมื่อหลุดกรอบหนึ่งแล้วจะวิ่งไปอีกกรอบหนึ่ง หรือ หลุดแนวรับหนึ่ง มันจะวิ่งไปหาอีกแนวรับหนึ่ง
4. กรอบของราคาบอก Sideway ของตลาดได้
5. แนวรับแนวต้านที่ตรงกับ EMA เป็นแนวรับแนวต้านที่มีความสำคัญและถ้ามี Fibo ด้วยจะยิ่งสำคัญมากขึ้น
TL
1. TL คือการตีเส้นบอกแนวโน้มจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง
2. TL ที่ดีคือ TL0-2, 0-B, B-B, 2-4 แต่เราจะต้องนับ EW หา TL พวกนี้ ซึ่ง Realtime จะทำให้เราตีผิดบ่อย
3. TL ที่โดนหลอกน้อยคือ TL ที่ราคาเบรคออกมาอย่างน้อย 5-10 แท่ง และมีการ Pullback บนเส้นและเด้งขึ้นมา ไม่กลับเข้าไปให้ TL นั้นอีก
4. TL ใช้บอก Bull/Bear Trap ได้ เมื่อราคาเบรค TL มาไม่เกิน 5-10 แท่งและดีดกลับเข้าไปใน TL อีกครั้ง ราคาจะวิ่งไปทางเดิม เป้าอย่างน้อยคือ High/Low ล่าสุด ส่วนใหญ่จะทำ New High/Low
5. TL สามารถบอก Pattern ของราคาได้ เช่น Wedge, สามเหลี่ยม, Flag
Channel
1. Channel คือ การตี TL แล้วเอา TL มาวางอีกด้านเป็นกรอบราคาวิ่งขึ้นไป
2. ถ้าราคาวิ่งอยู่ใน Channel หมายถึงราคาวิ่งเป็น ABC หรือวิ่งแบบ Correction ไม่เป็น Trend แข็งแรง
3. ถ้าราคาวิ่งทะลุ Channel ออกไป แสดงว่าเป็น Trend ที่แข็งแรง โอกาสลงจะยาก (จุดนี้ EMA จะห่างมาก เป็นตัวยืนยัน Trend อีกตัว)
4. ใช้บอกการเกิด OB/OS ของราคาได้ แต่ไม่ได้บอกว่าราจะต้องวิ่งกลับมาใน Trend ราคาอาจจะ OB/OS มากๆ ก็ได้ แค่เป็นสัญญาณ Alarm บอกว่าเราว่า มีโอกาสที่ราคาจะกลับลงมาให้ Channel ได้
Dow's Theory
1. ทฤษฎีที่อยู่คู่กับตลาดหุ้นมานานแสนนานและยังคงใช้ได้ในปัจจุบัน
2. Price Discount Everything ราคาบอกทุกอย่างหมดแล้ว
3. History Repeats Itself สิ่งที่เคยเกิดในอดีต ก็ยังคงจะเกิดขึ้นซ้ำๆ ในปัจจุบันและอนาคต
4. Trend ราคายังคงวิ่งต่อไปตาม Trend จนกระทั่งเกิดการกลับตัวของราคาอย่างชัดเจน
5. Trend ขาขึ้น ราคาจะทำ New High และ HL ไปเรื่อยๆ จนกระทั่งราคาหลุด HL ลงมาและทำ New High ต่อไปไม่ได้
6. Trend ขาลง ราคาจะทำ New Low และ LH ลงไปเรื่อยๆ จนกระทั่งราคาทะลุ LH และทำ New Low ต่อไปไม่ได้
7. HL/LH ใช้สำหรับตั้ง SL ได้เป็นอย่างดี
Time Frame
Stoch
RSI
หาแนวรับแนวต้านก่อน และนำ EMA & Fibo มาเสริมความแข็งแรง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น