1. เราขาดทุนน้อยลงจากสัปดาห์ที่แล้ว
2. มีกำไรเกิดขึ้นหลายไม้ สำเร็จตามเป้า 1 ไม้ นอกนั้นเป็นไม้ย่อยๆ
3. เราเริ่มทำตามวินัยและระบบได้มากขึ้น
สิ่งที่เราต้องปรับปรุง
1. ต้องทำตามระบบและมีวินัยมากกว่านี้
2. ห้ามย้าย SL อีกเป็นอันขาด
3. อ่าน Trend ปัจจุบันให้ดีกว่านี้ โดยใช้ TL แต่ละ TF มาหาจุดเข้าออกที่ได้เปรียบตลาด
4. ดูกราฟระหว่างวันให้น้อยลง ดูแค่ 1-2 ครั้งต่อ ชม จริงๆ แค่ 1 ครั้งต่อ ชม ก็อยู่แล้ว
5. ตลาดจะวิ่งช่วงเย็นของบ้านเราตั้งแต่ 17.00-22.00 ให้เราจับตาตลาดช่วงนี้
สิ่งที่เราได้เรียนรู้สัปดาห์นี้
1. แทนที่เราจะ Run Trend ทุกครั้งเพื่อให้ได้ RR สูง เราก็หา Channel ที่มันกว้างพอที่จะได้ RR >= 3 แค่นี้ก็เหมือนกับระบบเราได้ Run Trend แล้ว
2. ถ้า Trend ใหญ่กับ Trend เล็กไปในทางเดียวกัน เช่น Uptrend โอกาสที่ราคาจะวิ่งไปถึง CH บนของ Trend ใหญ่มีโอกาสสูงมากกว่าการที่ Trend เล็กสวน Trend ใหญ่อยู่
3. สุดท้ายราคายังไงก็ต้องวิ่งตาม Trend ปัจจุบันอยู่ดี เช่น NU เรา bias ว่า Trend Day จะรับอยู่ ปรากฏราคาไหลลงไปตาม Trend H4 อยู่ต่อไป ดังนั้น ถ้าราคายังไม่เบรค Channel ขึ้นมา เราก็ต้องเล่น Sell ต่อไป
7. วันนี้เป็นอีกวันที่เราทำตามวินัยของเราได้ ชักจะเริ่มนิ่งแล้ว คือ เราวางแผนตอนกลางคืน และกลางวันแค่ดูอย่างเดียว ไม่เปิดปิดออเดอร์อะไรทั้งนั้น ปล่อยให้ตลาดมันเฉลย และรอดูผลทหารของเราที่ส่งลงสนามรบไป แม้จะมีบางอารมณ์ที่อยากจะเปิดออเดอร์ทองตามแผนจาน แต่เราก็หักห้ามใจเอาไว้ เพราะมันไม่อยู่ในแผนของเราเลย "กลับถึงบ้าน วางแผน แล้วค่อยว่ากัน" ดีกว่า
8. GU เราโดน Trailing Stop แล้ว แต่มันพิสูจน์ได้อย่างชัดเจนเลยว่า "เทรดตาม Trend ปัจจุบัน" คือ สิ่งที่ถูกต้องที่สุด และจะทำให้เราได้กำไร ไม้นี้แม้จะกำไรน้อยแค่ 5$ แต่มันก็คือกำไร ดังนั้น ไม่ต้องสนว่ามันจะไปถึงเป้าไหม หรือเป้าใกล้ไกลเท่าไร แค่เทรดตาม Trend และเมื่อราคาวิ่งไปตามนั้น เราก็ย้าย Trailing Stop ตามไป เราก็จะได้กำไรแล้ว แถมไม่เครียดอีกต่างหาก ไม่ต้องคาดหวังว่าจะได้ราคาต่ำสุดของรอบหรอก เอาแค่ "Follow The Trend" พอ
2. ต่อจากนี้การเทรดของเรา สิ่งแรกที่ต้องหาคือ "Trend ปัจจุบัน" โดยให้เทรดตาม Trend นั้นเท่านั้น ยิ่ง Trend ปัจจุบัน เป็น Trend เดียวกับ Trend TF ใหญ่กว่า Prob ที่ราคาจะวิ่งไปทางนั้นจะสูงขึ้นมาก
3. การที่ราคาจะพุ่งแรงๆ ทะลุ TL ไปเลย มันมีความเป็นไปได้อยู่ แต่เราก็ไม่มีทางรู้ได้ว่ามันจะเกิดเมื่อไร ดังนั้นสิ่งที่เราทำได้คือ ดูความเป็นไปได้ในปัจจุบันกับกรอบราคาของ TL ที่เราวิเคราะห์ขึ้นมา และใช้ MM มาควบคุมความเสี่ยงในการส่งทหารของเราออกไปรบอีกที
6. ปรากฏ GU ราคาลงมาถึงเป้าของเราจริงๆ คือ 1.6703 ว่าจะไม่เสียดายแล้วนะ สุดท้าย เราก็ยังรู้สึกเสียดายอยู่ดี เพราะราคาลงมาแรงแบบนั้น มันก็น่าจะมีแรงไปต่ออยู่แล้ว แต่จริงๆ เราก็ไม่มีใครรู้อนาคตของตลาด ดังนั้นเพื่อการลดความเครียดเมื่อราคายังวิ่งไม่ถึงเป้า TP ให้ใช้วิธีของเฮียบาส คือ คำนวณว่าราคาขาดอีกกี่ pips ถึงจะถึงเป้า TP ให้เราย้าย Trailing Stop มาด้วยจำนวนเท่ากัน เหมือนเป็น RR=1 โดยจุดที่เราตั้ง Trailing Stop ถ้าเป็น High/Low ล่าสุดด้วยจะยิ่งดี เช่น GU นี้ มันอยู่ตรง Low ที่เพิ่งหลุดมาพอดี ก็เป็นจุดที่สำคัญในการตั้ง SL ที่ดีได้
7. GU ตอนเราวางแผน เราไม่มั่นใจเลยว่า มันจะลงมาถึงเป้า แต่ความจริงมันก็ลงมาถึงจริงๆ แถมลงมาเร็วกว่าที่คิดไว้มากซะอีก ทำให้เราเข้าใจว่า "โลกนี้ อะไรก็เกิดขึ้นได้ Nothing is impossible" สิ่งที่เราจะต้องทำคือ "ตั้งเป้า และ วางแผน" ไว้ให้พร้อมทุกสถานการณ์
8. ทอง ไม่น่าทำ Square เลย ทำให้เรา Bias หน้าเล่นและวางแผนไม่ถูก ต้องหาจังหวะปิดให้หมด >_<"
9. AU ปิดมือ เพราะราคามาติด CH บน H1 แล้ว แต่มาไม่ถึง TP เนื่องจาก "เรายึดกรอบ Channel เป็นหลัก อีกอย่างเทรดสวนเทรนใหญ่ด้วย โอกาสเบรค TL จึงมีน้อย" และเราก็ส่งทหาร Sell ไป 1 คนออกไปรบที่แนวนี้ ย้ายมาจากที่ไปประจำตรง TP ของทหาร Buy
3. EMA ก็ถือเป็นแนวรับต้านที่สำคัญ โดยเฉพาะ EMA200 ถ้า Test ครั้งแรกมักจะไม่ผ่าน สามารถใช้เป็นจุดเข้าออเดอร์ได้จุดหนึ่ง เช่น GU โชคดีที่จุดที่เราตั้งตรงกับ EMA200 พอดี
3. การมองโลกในแง่ดีของเรามีผลเสียต่อการลงทุนเป็นอย่างมาก เพราะมันจะทำให้เราตัดสินใจลงทุนในจุดที่เสียเปรียบตลอด ประเมินความเสี่ยงต่ำไป ไม่เตรียมแผนเผื่อกรณีผิดพลาด ดังนั้นเราต้องฝึกมองภาพให้เป็นกลางมากขึ้น
6. วันนี้อารมณ์เทรดปั่นป่วนมาก ตั้งแต่รู้สึกแย่สุดๆ ที่ขาดทุนไป 147$ และพอร์ตยังติดลบ 45$ รู้สึกอะไรก็ไม่เป็นไปดั่งใจ เทรดไปก็ผิดทางตลอด ไม่เข้าใจตัวเอง รู้สึกแย่มาก เห็นทองลงมาแถวแนวรับ ไม่ถึงราคาที่ตั้งไว้ ก็คิดว่าจะไม่เปิดแล้ว แต่...โชคดีที่เรายังตัดสินใจเปิดโดยลด Lot Size ลงนิดหนึ่งให้ match กับแผนของเรา คือ ทำตามแผน และก็จะไม่สนใจแล้ว พอได้ยินคนบอก ทองเด้ง หันกลับมาดู พอร์ตกลายเป็นบวก 45$ เฉยเลย ในชั่วระยะเวลาเพียงแปปเดียวเท่านั้น ราคาดีดไปได้ขนาดนี้ รู้สึกตัวเบาขึ้นมาทันที ทั้งๆ ที่ยังไม่ใช่กำไรจริงๆ เลย แต่อย่างน้อย ก็แสดงให้เห็นว่า ที่เราพยายามทำการบ้านทุกวัน ก็ยังมีผลดีอยู่บ้าง ไม่ได้ผิดทางไปซะหมด สิ่งสำคัญคือ
6. ปรากฏ GU ราคาลงมาถึงเป้าของเราจริงๆ คือ 1.6703 ว่าจะไม่เสียดายแล้วนะ สุดท้าย เราก็ยังรู้สึกเสียดายอยู่ดี เพราะราคาลงมาแรงแบบนั้น มันก็น่าจะมีแรงไปต่ออยู่แล้ว แต่จริงๆ เราก็ไม่มีใครรู้อนาคตของตลาด ดังนั้นเพื่อการลดความเครียดเมื่อราคายังวิ่งไม่ถึงเป้า TP ให้ใช้วิธีของเฮียบาส คือ คำนวณว่าราคาขาดอีกกี่ pips ถึงจะถึงเป้า TP ให้เราย้าย Trailing Stop มาด้วยจำนวนเท่ากัน เหมือนเป็น RR=1 โดยจุดที่เราตั้ง Trailing Stop ถ้าเป็น High/Low ล่าสุดด้วยจะยิ่งดี เช่น GU นี้ มันอยู่ตรง Low ที่เพิ่งหลุดมาพอดี ก็เป็นจุดที่สำคัญในการตั้ง SL ที่ดีได้
7. GU ตอนเราวางแผน เราไม่มั่นใจเลยว่า มันจะลงมาถึงเป้า แต่ความจริงมันก็ลงมาถึงจริงๆ แถมลงมาเร็วกว่าที่คิดไว้มากซะอีก ทำให้เราเข้าใจว่า "โลกนี้ อะไรก็เกิดขึ้นได้ Nothing is impossible" สิ่งที่เราจะต้องทำคือ "ตั้งเป้า และ วางแผน" ไว้ให้พร้อมทุกสถานการณ์
8. ทอง ไม่น่าทำ Square เลย ทำให้เรา Bias หน้าเล่นและวางแผนไม่ถูก ต้องหาจังหวะปิดให้หมด >_<"
9. AU ปิดมือ เพราะราคามาติด CH บน H1 แล้ว แต่มาไม่ถึง TP เนื่องจาก "เรายึดกรอบ Channel เป็นหลัก อีกอย่างเทรดสวนเทรนใหญ่ด้วย โอกาสเบรค TL จึงมีน้อย" และเราก็ส่งทหาร Sell ไป 1 คนออกไปรบที่แนวนี้ ย้ายมาจากที่ไปประจำตรง TP ของทหาร Buy
3. EMA ก็ถือเป็นแนวรับต้านที่สำคัญ โดยเฉพาะ EMA200 ถ้า Test ครั้งแรกมักจะไม่ผ่าน สามารถใช้เป็นจุดเข้าออเดอร์ได้จุดหนึ่ง เช่น GU โชคดีที่จุดที่เราตั้งตรงกับ EMA200 พอดี
7. Buy Stop ใช้ได้ แต่มีความเสี่ยงสูง เพราะได้ทุนไม่ดี มีประโยชน์ต่อเมื่อราคาเบรค Wedge เพราะจะเบรคแรงมาก
8. วันนี้เราเปิดออเดอร์เองระหว่างวันจนได้ เพราะความโลภจริงๆ ถึงแม้จะบอกว่าทำตามแผนก็เถอะ รอกลับถึงบ้านแล้วค่อยเปิด ราคาก็ไม่ต่างกันเลย บางทีได้ราคาดีกว่าอีก ครั้งหน้าเราพยายามทำตามแผนให้ได้ อย่าเปิดออเดอร์จากข้างนอกอีก วางแผนในคืนนั้นให้เสร็จแล้วพอ ระหว่างวันเราทำได้แค่ย้าย SL เท่านั้น
2. Trader ก็คือ ธุรกิจหนึ่งที่จะต้องมีกำไร ถ้าธุรกิจขาดทุนต่อเนื่องก็อยู่ไม่ได้ เวลาเราเทรดและกำลังตัดสินใจจะเปิดออเดอร์ ให้เรานึกถึงเหมือนเราเป็นเจ้าของเต็นท์รถยนต์ เราจะซื้อรถมาขาย เราต้องตรวจเช็คหลายอย่าง เพื่อให้มั่นใจว่า สามารถนำรถคันนี้ไปขายแล้วได้กำไร เราจึงต้องมี Check List ในการตัดสินใจก่อนซื้อ3. การมองโลกในแง่ดีของเรามีผลเสียต่อการลงทุนเป็นอย่างมาก เพราะมันจะทำให้เราตัดสินใจลงทุนในจุดที่เสียเปรียบตลอด ประเมินความเสี่ยงต่ำไป ไม่เตรียมแผนเผื่อกรณีผิดพลาด ดังนั้นเราต้องฝึกมองภาพให้เป็นกลางมากขึ้น
6. วันนี้อารมณ์เทรดปั่นป่วนมาก ตั้งแต่รู้สึกแย่สุดๆ ที่ขาดทุนไป 147$ และพอร์ตยังติดลบ 45$ รู้สึกอะไรก็ไม่เป็นไปดั่งใจ เทรดไปก็ผิดทางตลอด ไม่เข้าใจตัวเอง รู้สึกแย่มาก เห็นทองลงมาแถวแนวรับ ไม่ถึงราคาที่ตั้งไว้ ก็คิดว่าจะไม่เปิดแล้ว แต่...โชคดีที่เรายังตัดสินใจเปิดโดยลด Lot Size ลงนิดหนึ่งให้ match กับแผนของเรา คือ ทำตามแผน และก็จะไม่สนใจแล้ว พอได้ยินคนบอก ทองเด้ง หันกลับมาดู พอร์ตกลายเป็นบวก 45$ เฉยเลย ในชั่วระยะเวลาเพียงแปปเดียวเท่านั้น ราคาดีดไปได้ขนาดนี้ รู้สึกตัวเบาขึ้นมาทันที ทั้งๆ ที่ยังไม่ใช่กำไรจริงๆ เลย แต่อย่างน้อย ก็แสดงให้เห็นว่า ที่เราพยายามทำการบ้านทุกวัน ก็ยังมีผลดีอยู่บ้าง ไม่ได้ผิดทางไปซะหมด สิ่งสำคัญคือ
- "ให้เราทำตาม ระบบ และ แผน ต่อไป ไม่ว่าเราจะขาดทุนแค่ไหนก็ตาม" อย่างที่ครูหยงบอก "กำไรแล้วแต่ตลาดจะให้ แต่ Drawdown คือของจริง"
- สิ่งที่ได้เรียนรู้อีกอย่างคือ "เราทนเห็นพอร์ตแกว่งขาดทุนได้ เราก็ต้องทนเห็นพอร์ตแกว่งกำไรได้เช่นกัน"
- และ "เราได้ก็ไม่ควรหลงระเริงไปกับอารมณ์ดี หรือเราเสียก็ไม่ควรรู้สึกแย่จนไม่ยอมทำตามระบบและแผนตัวเอง"
- บางที ตลาดก็เฉลยไม่ตรงกับที่เราหวังไว้ เราก็ปล่อยมันไปแค่นั้น เพราะไม่มีใครรู้อนาคตได้ สิ่งที่เราทำได้คือ ทำตามระบบและคุมความเสี่ยงไว้
Weekly Target & Result
1. เทรดให้ได้กำไร 3% ต่อสัปดาห์ = เทรดไม่กำไรแถมขาดทุนเพิ่มอีก 1.9% สัปดาห์นี้จะต้องมีกำไรสุทธิให้ได้!!
2. ทบทวนและพัฒนารูปแบบการเทรดในทุกวัน = ทบทวนได้ทุกวันแล้ว ทำ Review & Trading Plan ทุกวันและ Weekly Report ทุกสัปดาห์ ทำให้เราเริ่มเห็นข้อผิดพลาดของตัวเองมากขึ้น
3. อ่านหนังสือให้จบ 1 เล่ม = อ่านจบเล่มแรกของเดือนนี้ ต่อไปเราจะอ่านให้จบเล่ม 2 ของเดือนนี้
4. วางแผนการเทรดในแต่ละวัน = ทำ Trading Plan ทุกวัน แม้จะเหนื่อยหน่อยแต่ก็คุ้ม จริงๆ ไม่ว่าเราจะทำธุรกิจอะไร เราก็ต้องทุ่มเทแบบนี้เหมือนกัน ดังนั้นจงทุ่มเทต่อไป เราจะต้องสำเร็จเป็น Trader ที่มีกำไรเลี้ยงตัวเองให้ได้
เป้าหมายสัปดาห์นี้เราจะต้องกลับมามีกำไรจากการเทรดสุทธิต่อสัปดาห์ให้ได้ และอ่านหนังสือให้จบอีก 1 เล่ม
1. เทรดให้ได้กำไร 3% ต่อสัปดาห์ = เทรดไม่กำไรแถมขาดทุนเพิ่มอีก 1.9% สัปดาห์นี้จะต้องมีกำไรสุทธิให้ได้!!
2. ทบทวนและพัฒนารูปแบบการเทรดในทุกวัน = ทบทวนได้ทุกวันแล้ว ทำ Review & Trading Plan ทุกวันและ Weekly Report ทุกสัปดาห์ ทำให้เราเริ่มเห็นข้อผิดพลาดของตัวเองมากขึ้น
3. อ่านหนังสือให้จบ 1 เล่ม = อ่านจบเล่มแรกของเดือนนี้ ต่อไปเราจะอ่านให้จบเล่ม 2 ของเดือนนี้
4. วางแผนการเทรดในแต่ละวัน = ทำ Trading Plan ทุกวัน แม้จะเหนื่อยหน่อยแต่ก็คุ้ม จริงๆ ไม่ว่าเราจะทำธุรกิจอะไร เราก็ต้องทุ่มเทแบบนี้เหมือนกัน ดังนั้นจงทุ่มเทต่อไป เราจะต้องสำเร็จเป็น Trader ที่มีกำไรเลี้ยงตัวเองให้ได้
เป้าหมายสัปดาห์นี้เราจะต้องกลับมามีกำไรจากการเทรดสุทธิต่อสัปดาห์ให้ได้ และอ่านหนังสือให้จบอีก 1 เล่ม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น