วันศุกร์ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2557

วางแผนเทรด EU

วันศุกร์ที่ 27 มิ.ย. 57


วันจันทร์ที่ 14 ก.ค. 57


วันพุธที่ 16 ก.ค. 57
ผลของการเทรด


วันพุธที่ 16 ก.ค. 57


วันพฤหัสบดีที่ 17 ก.ค. 57


วันพฤหัสบดีที่ 17 ก.ค. 57
Result


วันศุกร์ที่ 18 ก.ค. 57
Result


วันจันทร์ที่ 21 ก.ค. 57


วันพุธที่ 23 ก.ค. 57



Week 31

28 July 14
Plan


วันพุธที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2557

Lesson Learn

ราคาที่หลุด TL ลงมาแล้ว สามารถวิ่งกลับเข้าไปอยู่ใน Trend เดิมได้ ราคามีโอกาสขึ้นไปทำ New High


วันอังคารที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2557

วางแผนเทรด Gold

วันอังคารที่ 24 มิ.ย. 57


วันพุธที่ 25 มิ.ย. 57


วันศุกร์ที่ 27 มิ.ย. 57


วันจันทร์ที่ 14 ก.ค. 57


วันพุธที่ 16 ก.ค. 57
ผลของการเทรด


วันพุธที่ 16 ก.ค. 57


วันพฤหัสบดีที่ 17 ก.ค. 57


วันพฤหัสบดีที่ 17 ก.ค. 57
Result


วันจันทร์ที่ 21 ก.ค. 57


วันพุธที่ 23 ก.ค. 57


วันพุธที่ 23 ก.ค. 57



Pullback อัดเพิ่ม

Week 31

28 July 2014
Plan



30 July 14
Plan





วิเคราะห์ทองในอดีต

วิเคราะห์ทองในอดีตด้วย TF Week & Day


เตือนตัวเอง

ความคิดบอกว่า อยากได้เป้า 100 ล้านภายในอายุ 40 ปี แต่ความพยายามของเรากลับเทียบไม่ได้แม้แต่พนักงานทั่วไปเลย ดังนั้นเราจะต้อง "พยายาม" ทำงานให้หนักขึ้น ขยันมากขึ้น วิเคราะห์และตัดสินใจมากขึ้น จึงจะนำทางเราไปสู่เป้าหมายได้ ยิ่งเราผิดพลาดมากเท่าไร เรายิ่งได้เรียนรู้มากขึ้น และหาวิธีแก้ไขหรือลดจุดอ่อนได้มากขึ้นด้วย

เราทำได้ เราทำได้ เราทำได้ เราทำได้ เราทำได้ เราทำได้ เราทำได้ เราทำได้

เราทำ 100 ล้านได้ภายในอายุ 40 ปีแน่นอน
เราทำ 100 ล้านได้ภายในอายุ 40 ปีแน่นอน
เราทำ 100 ล้านได้ภายในอายุ 40 ปีแน่นอน
เราทำ 100 ล้านได้ภายในอายุ 40 ปีแน่นอน
เราทำ 100 ล้านได้ภายในอายุ 40 ปีแน่นอน

เราจะต้องเทรดให้ได้กำไรเดือนละ 50,000 บาททุกเดือนภายใน 1 ปีให้ได้
เราจะต้องเทรดให้ได้กำไรเดือนละ 50,000 บาททุกเดือนภายใน 1 ปีให้ได้
เราจะต้องเทรดให้ได้กำไรเดือนละ 50,000 บาททุกเดือนภายใน 1 ปีให้ได้
เราจะต้องเทรดให้ได้กำไรเดือนละ 50,000 บาททุกเดือนภายใน 1 ปีให้ได้
เราจะต้องเทรดให้ได้กำไรเดือนละ 50,000 บาททุกเดือนภายใน 1 ปีให้ได้

สรุปจากเฮียบาส

การเทรดแบบไม่มี SL เราจะต้องให้ความสำคัญ 2 เรื่อง
1. ต้องไม่ล้างพอร์ต
2. ใจต้องไม่เสีย --> หากเราเข้าผิดทางแล้วโดนลาก ให้เปิด Spread ค้ำไว้เลย จากนั้นอีก 1-2 วันค่อยกลับมาดูก็ได้

เราจะมาเน้นที่การวางแผนไม้ 1-5 ว่าเราจะเข้าตรงไหน? เมื่อไร? เพราะอะไร?
ให้เข้าด้วยไม้ที่เท่ากันทั้ง 5 ไม้ โดยขาดทุนไม่เกินที่เรากำหนดคือ 100$ หรือ 200$ เป็นต้น ขึ้นอยู่กับว่าเราจะยอมให้โดนลากขนาดไหน แต่ขาดทุนโดยรวมจะต้องไม่เกิน 15-20% ของ Port เพื่อที่เรายังสามารถกลับมาได้

Technical เป็นแค่การหาจังหวะเข้าออก แต่ MM เป็นการทำให้เราเข้าออกได้บ่อยขึ้น
การเทรดแบบไม่มี SL จะต้องเน้น "วางแผน" เป็นหลัก
เราจะต้องรู้ว่า หากไม้ที่เราเข้าแล้ว ผิดทาง เราจะค้ำตอนไหน หรือจะเปิด order เพิ่มเมื่อไร
เล่น TF เดียว เช่น H1 แต่เวลาจังหวะเข้าที่ดี ให้เราไปดูการ Break TL ใน M15 เพราะ
ในแง่คลื่น EW 1 ท่อนของ H1 คือ Trend ของ M15
ใช้ TF ใหญ่กว่า เช่น H4 D1 เป็นจุดเฝ้าระวัง

ถ้าเทรดแบบมี SL นั้น RR เป็นสิ่งสำคัญ เพราะเมื่อเราได้ 1 ครั้ง เราก็จะมีเผื่อไว้สำหรับกรณีโดน SL ในครั้งหน้า เหมือนกับการเล่นไพ่โป๊กเกอร์
แต่เทรดแบบไม่มี SL เราสามารถออกได้ก่อน ต้องพยายามรักษาต้นทุนเอาไว้ ดังนั้นกำไรน้อยดีกว่าขาดทุนก็ดีกว่าปล่อยให้ขาดทุน



วันศุกร์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2557

หลักการเทรดของเรา

สิ่งที่เราต้องดูจากกราฟ
1. Dow
2. Trend
3. Price Pattern
4. Price Action
5. Elloitt Wave


Indi
1. EMA50-200 ใช้เป็นตัว Bias Trend ได้ ใช้ประกอบกับ Trend Line/Channel ทำให้เรามอง Trend ได้ชัดขึ้น
a) EMA50 > EMA200 --> Bias Long

เวลา Break TL ก็คือ Break
การเบรค TL 0-B คือ Trend หลัก มีโอกาสไปชุดใหญ่ ส่วนการเบรค Speed Line มีโอกาสจะวิ่งไปชุดเล็ก
การ Test TL หรือ EMA หลักการเหมือนกัน
Test ครั้งแรกมักไม่ผ่าน
Test ครั้งที่สอง มีโอกาสที่จะเบรค
Test ครั้งที่สาม โอกาสเบรค 70-80%

การ Exit มีดังนี้
1. แนวรับแนวต้าน
2. RR=1 & 2
3. fibo 161.8 & 261.8
4. Channel
5. Run Trend
ดังนั้นเราต้องมีอย่างน้อย 3 ไม้ ในการออกที่
1. Fibo 161.8 + แนวนอน
2. Fibo 261.8 + แนวนอน
3. Channel + Fibo
4. Run Trend

เรากลับมาใช้การเล่นแบบมี SL ดีกว่า เพราะมันทำให้เรามั่นใจและสบายใจมากขึ้น แต่ในการคำนวณ RR นั้น ให้เราหา TP ที่เป็นไปได้ก่อน และมาดู SL ที่เป็นไปได้ จึงค่อยคำนวณออกมาเป็น RR ไม่ใช่แต่ก่อนที่ตั้งจากความคิดของเราเองว่า SL ตรงนี้ เพื่อให้ได้ RR เท่านี้ เป้า TP จะต้องอยู่ตรงนี้ ซึ่งโอกาสที่มันจะเป็นไปได้น้อยกว่า

การหา TP ของเราก็คือ วิธีการ Exit ด้านบน
ส่วน SL ให้ดูจากการคาดการณ์ของ EW ประกอบกับหลุด TL

27 June 2014
ปรับให้การเข้าแต่ละไม้ จากเดิม ดู "SL รวมทุกไม้" มาเป็นดู "SL แต่ละไม้" ให้ขาดทุนได้ไม่เกิน 0.5% ของ Port
ระบบเทรดตอนนี้ของเราคือ
1. หา Trend ใหญ่ว่าไปทิศทางไหน
2. ดู Trend ใน TF ที่เราต้องการเทรด ต้องสวนกับ Trend ใหญ่ หาก Trend ใหญ่ขึ้น Trend นี้จะต้องลง
3. ตั้งรับ Buy Limit ที่แนวรับ Trend ใหญ่ + Channel รับ Trend ที่เราเทรด + การเกิด OS ของ Trend ที่เราเทรด
4. ตั้ง SL โดยให้แต่ละไม้ขาดทุนไม่เกิน 0.5%
5. หา TP จากแนวต้าน + Fibo 161.8% & 261.8% + Channel บนของ Trend ที่เราเทรด + Channel บนของ TF ใหญ่
6. RR >= 2 เมื่อเทียบกับ SL และ TP ที่ควรจะเป็น
7. ขยับ Trailing Stop เมื่อเกิด HL ไปเรื่อยๆ
8. เข้าอย่างน้อย 3 ไม้ เพื่อให้เราปิดตามเป้าได้ทีละเป้าโดยไม่เครียด

ระบบสวนเทรน
1. จะเปิด Sell เมื่อเกิด Trend ซ้อนขาขึ้น + ชน Channel บนของ Trend ซ้อนนั้น
2. จะเปิด Buy เมื่อเกิด Trend ซ้อนขาลง + ชน Channel ล่างของ Trend ซ้อนนั้น

ระบบเข้า W2
1. ต้องหาจุดที่ราคาลงมาต่ำสุดและดีดกลับอย่างแรง
2. ตั้งรับที่ Fibo 61.8% ของชุดที่เด้งขึ้นไป
3. ตั้ง SL ที่ Low ล่าสุด
4. หา TP ด้วยเป้า Fibo 161.8% & 261.8% + Channel บน
5. RR >= 2

เราจะต้องทำ PDCA = Plan Do Correct Action คือ วางแผน --> เทรด --> วิเคราะห์ปัญหาและความผิดพลาด --> เทรดใหม่ด้วยการลดข้อผิดพลาดเดิมแล้ว

1 July 2014
ระบบเทรดที่ชนะทุกตา Win Rate = 100% มันไม่มีในโลกนี้หรอก ทุกอย่างย่อมมีความผิดพลาดอยู่แล้ว ดังนั้นเราควรหาระบบที่ทำให้เราได้ Win Rate สูงเท่าที่จะเป็นไปได้ดีกว่า เช่น 50-70% และใช้ MM มาคุมอีกที เพื่อให้การเทรดระยะยาวของเรา วิ่งเข้าหา Win Rate ให้ได้ โดยที่ MM เกี่ยวกับ Lot Size ที่เราจะเล่น Bet แต่ละครั้ง ถ้าเราต้องการเทรดให้ได้ระยะยาว ต้องหาโอกาส Opportunity ที่ทำให้ RR >= 2 จึงจะทำให้เราอยู่รอดได้ในระยะยาว เพราะถ้าเราได้ 1 ครั้ง กำไรก็จะมาชดเชยที่เราเสียไป 2 ครั้งได้
1. ระบบที่ให้ Win Rate = 50-70%
2. หา Opportunity ในการเข้า คือ "การวางแผน" ในจุดที่ทำให้เราได้ RR >= 2
3. ใช้ MM มาควบคุม Lot Size และทำให้เราอยู่ในตลาดได้นาน คือ 1 ไม้ขาดทุนได้ < 0.5%

2 July 2014
ทุกเรื่องต้องมีการวางแผนและลงมือทำ
งานขาย --> เราต้องวางแผนว่าจะทำอย่างไรให้ขายของให้ลูกค้าได้ ทั้งการ Present หาจุดดีจุดเด่นในการขาย และจึงไปลงมือ Present กับลูกค้าใน Meeting ตามเวลาที่ลูกค้ากำหนด
ข้อดี คือ เรามีเวลาในการเตรียมตัวก่อนลงมือทำ
ข้อเสีย คือ เราไม่มีทางรู้ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร ได้แค่ "คาดการณ์" ว่าถ้าเราทำตามแผนแบบนี้ ผลลัพธ์เราน่าจะขายได้กำไร

การเทรด --> เราก็ต้องวางแผนในการเทรด ว่าจุดเข้า (จุดดีจุดเด่น) ของเราคือตรงไหน และจุดออก เราควรจะเป็นตรงไหน เพื่อทำให้เราได้กำไร และจึงลงมือทำตามแผน
ข้อเสีย คือ เราไม่มีทางรู้ว่าผลลัพธ์เป็นอย่างไร ได้แค่ "คาดการณ์" ว่าถ้าเราทำตามแผนแบบนี้ ผลลัพธ์เราน่าจะได้กำไรที่วางแผนเอาไว้
ข้อเสีย อีกข้อ คือ ตลาดมันเดินตลอดเวลา ทำให้เราเกิดอารมณ์อยากเทรดก่อนวางแผน มันไม่ได้มีเวลาให้เราลงมือสั้นๆ แบบงานขาย ที่ลูกค้าจัดเวลา Meeting ให้ ดังนั้น เราจึงตัดอารมณ์ออกไปจากการเทรดได้ยาก

สิ่งที่เราควรทำคือ ตัดการเคลื่อนไหวปัจจุบันของการเทรดออกไป และวางแผนด้วยข้อเท็จจริง ไม่ใช้อารมณ์มาตัดสิน เมื่อวางแผนเสร็จ เราจึงลงมือทำตามแผน

ทุกอย่างมันมีได้และมีเสียเหมือนกัน การเทรดเราได้เงินเสียเงินโดยตรง แต่การขายเราได้เงินแต่เสียเวลาแทน ซึ่งเวลานี้ ถ้าเราไปสนใจงานขายอื่น อาจจะทำให้เราได้เงินก็ได้ ใครจะไปรู้




วันอังคารที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2557

ทบทวนการเทรด

เล่นเฉพาะ W2 & WB เท่านั้น
ต้องมี 2 ระบบ 1. ระบบตาม Trend 2. ระบบสวนเทรน
ระบบตาม Trend
1. จะต้องรอ Break TL ต้านก่อน
2. ราคาย่อลงมาทำ W2 ให้ตั้งรับที่แนว 50-78.6% จำนวน 3 ไม้
3. เด้งขึ้นไปทำ New High ให้เข้าอีก 1 ไม้
4. จำนวน Lot Size ให้เข้าเป็นเลข Fibo 1 1 2 3 5
5. การวัดเป้าออกให้หา 3 อย่าง คือ แนวต้าน + Fibo 261.8% + Channel บน + Fibo Retrace ชุดก่อนหน้า

ระบบสวน Trend
1. ใช้ในการทำ Square กับ Order ที่เปิดอยู่
2. หาแนวต้านที่สำคัญ + Channel บน + TL ของ TF ที่ใหญ่กว่า
3. เป้าที่ออกให้ดูแนวรับแรก หรือ Channel รับของขาขึ้น
4. มีสัญญาณ Divergence เกิดขึ้น

การเทรด
1. หา Zone เข้า
2. หา SL
3. TP
4. RR
5. MM

เราจะเทรดแบบไม่มี SL ไหม?

Trend Line 0-B หรือ 0-2 ถ้ายังไม่เบรค ก็ยังเป็น Trend เดิมอยู่
ถ้าย่อมาก มีโอกาสวิ่งน้อย ถ้าย่อน้อย มีโอกาสวิ่งยาว
การย่อไม่ถึง 61.8% มีโอกาสที่ขาต่อไปจะวิ่ง 100% ของขาแรก ดังนั้นให้เราวางแผนรับที่แนว 50-61.8%
การชน TL รอบแรกมักจะไม่ผ่าน แต่การชนรอบที่ 2 มีโอกาสที่จะผ่าน 60/40 ส่วนการชนรอบที่ 3 มีโอกาสผ่าน 80/20
ส่วนใหญ่ราคาจะวิ่งอยู่ในกรอบ
แผนการเทรดของเราให้สมมติฐานของเป้าและ SL อยู่ในกรอบ Channel ที่เราเทรดนั้นๆ
เล่นขั้นต่ำ 3 ไม้ เพื่อที่เราจะได้ใช้ในการ Run Trend ได้ด้วย
ถ้าจะตัดสินใจอะไรให้รอจบแท่งก่อน จึงค่อย Take Action


วันอาทิตย์ที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2557

ทำบุญ Meeting ครั้งที่ 3

Indicator ที่ใช้เป็น EMA50 & EMA200 ตัดกัน
ความแข็งแรงของ EMA คือความห่างของ EMA50 & EMA200 ทั้ง 2 เส้น
เราจะเปิด Buy ใน Zone ของ EMA 2 เส้นที่ห่างกัน
ใช้ Dow เป็นหลักก่อนแล้วค่อยเอา Indi & EW มาเสริม
การใช้ Multi TF คือการดูสัญญาณ Buy ของหลาย TF เกิดขึ้นพร้อมกัน

วิธีการแก้ปัญหาเรื่องเข้า order ปิระมิด
เราแบ่งไม้เป็น 3 ไม้ ไม้เบา กลาง หนัก
ให้เราเข้าด้วยไม้หนักก่อน แต่ไม้หนักก็ให้แบ่งเป็นไม้เล็กๆ ไว้ ถ้าโดน ก็โดนแค่ไม้หนักไม้เดียว ส่วนถ้าได้ ก็ให้วางแผนเข้าไม้กลางตอนหลุด Pattern หรือ TL ส่วนไม้เบา ก็ให้วางแผนตามเงื่อนไขของเรา ต้องลองไปคิดดู
วิธีนี้ เราจะได้การฝึก Run Trend ด้วย

Elloitt Wave
การใช้ EW เราต้องหาจังหวะเข้าที่ W2 และคลื่น B ให้ได้
ถ้าคลื่น WB ไปถึง 38.2-61.8% มีโอกาสทำ New Low
แต่ถ้า WB > 76.4% จะเปลี่ยนรูปแบบ มีโอกาสเกิด Flat WC อาจจะไม่ทำ New Low
Wedge
=> W1 ยาว แต่ W3 สั้น
=> ข้อสังเกตุ W1 ยาวสุด W2 มักจะซับซ้อนกว่า W4
W5
=> มี 3 แบบ คือ ชน High เดิม (Double Top), ทำ High ใหม่, สั้นกว่า High เดิม
Indicator
=> ตัวช่วยในการหา W5 จาก Divergence
W5 Extention
=> W1 สั้น W3 ไม่ถึง 161.8% และ C of W4 จะ Fail ทำให้เกิด W5 Extention
หาแนวต้านของ W1
=> เมื่อราคาเบรค TL ต้าน ให้วัด Fibo Retrace จากจุดเริ่มต้นของ WA มาปลาย WC
=> เป้าของ W1 = 38.2% or 61.8% ของ Fibo ชุดนี้ + แนวรับแนวต้าน VN ที่แข็งแรง
หาแนวรับของ W2
=> วัด Retrace ของ W1 (โดยให้ 0% อยู่บน)
=> เป้าของ W2 = 61.8% + Throw Back ลงมาที่ TL หรือแนวรับ
=> ตั้ง SL < Low of W1
W3
=> ราคา Break Above W1 โดยหลักสถิติมันจะไม่ Overlap หัว W1 ดังนั้นเราสามารถย้าย SL มาใต้หัว W1 ได้
W5
=> ถ้าเรานับ EW ได้ แล้วเราได้ W5 มาชนแนวต้านสำคัญ ก็ทำให้เราสามารถ Exit ออกไปก่อน 50% เพื่อรักษากำไรเอาไว้ได้
** ถ้านับ EW ได้ ห้ามเปิดสวน W3 โดยเด็ดขาด
วิธีการพิจารณากราฟ
1. Dow
2. Trend
3. Price Pattern
4. Price Action
5. Elloitt Wave

WA
=> วัด Retrace ของชุด W1-W5 ก่อนหน้า
=> เป้าของคลื่น WA อยู่ 38.2%-61.8% ของชุดก่อนหน้า
WB
=> เด้งไม่เกิน 61.8% ของ WA
=> พิจารณาแนวรับแนวต้าน + Gap + Pin Bar
WC
=> ถ้า WB < 61.8% จะทำให้ WC ลงมาทำ New Low = 100% of WA
=> จะเริ่มนับ W1 ต้องเบรค TL 0-B ก่อน
** ขาลงจะเป็น Wave ABC และต่อด้วย X ABC ต่อ จะไม่มี 12345 ในขาลง
** การจะดูว่าเป็น X หรือไม่ คือ ราคาไม่เบรค TL
ขาลง ABC มี 3 แบบ
1. Zigzag
2. Flat
3. Triangle
Fibo เอาไว้ดูรูปแบบ
เราต้องจับให้ได้ว่า WA ลงมากี่คลื่น และเราจะรู้ว่าลงมากี่คลื่น คือ ราคาเบรค TL
** เริ่มต้น เราควรใช้ "ความน่าจะเป็นของ Dow" ในการเทรด และใช้ "การทำนายของ EW" มาช่วยในการหาจุดเข้าออกให้ดีขึ้น