วันพฤหัสบดีที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

Review 31 Jul 14

ขาดทุนอีกแล้ว ทั้งๆ ที่ตั้งใจไว้แล้วว่า จะระวังไม่ให้ขาดทุนอีก ก็พลาดเหมือนเดิม เล่นสวนเทรน เปิดด้วยการใช้มือ
 









1. อ่านกราฟออกแบบ AJ หรือ UCAD ถึงจะเล่น

AJ --> ตามแผน Cony & Brown

UCAD --> อ่านออกว่า ทุก TF เป็น Uptrend หมด จึง Bias Buy ได้อย่างมั่นใจ


2. เราต้องเล่นตาม Trend เท่านั้น ถ้าราคายังไม่เบรค ราคาก็ยังคงวิ่งตาม Trend นั้นต่อไป ดังนั้นเราไม่ควร bias หากราคาเบรค Trend เล็กขึ้นมา แต่ยังไม่เบรค Trend ใหญ่ ให้เราเล่นตาม Trend ใหญ่ต่อไป เช่น ทอง ตอนนี้ H4 ขาลง แต่เบรค TL H1 ขึ้นมา ราคามาที่ Trend ก็ Sell ต่อ


3. จิตวิทยาการลงทุนโดนเราอีกข้อ คือ การตอบสนองต่อความเสี่ยงของนักลงทุน คนจะยอมเสี่ยงมากขึ้นหลังจากเพิ่งชนะมาและจะกล้าเสี่ยงน้อยลงหลังจากเพิ่งแพ้มา โดนมากๆ เพราะเราเป็นแบบนี้เลย ทั้งๆ ที่ความน่าจะเป็นของแต่ละไม้ยังคงเท่าเดิม จิตใจของเราที่ประเมินมันต่างกัน ดังนั้น ต่อไปเราต้องวางแผน คุมความเสี่ยงให้เหมือนเดิมเท่ากันทุกไม้

วิธีการ Run Trend

เวลาเรา Run Trend ก็ต่อเมื่อ Position ที่เราถืออยู่แล้วทำ Trailing Stop จนเกิด Alpha คือ ไม่มีต้นทุนแล้ว จากนั้น เมื่อราคาเบรค New High ก็ให้เข้าเพิ่ม โดยเอาไม้ที่เราเพิ่งเข้าไปนั้นมาใช้เข้าเพิ่ม เมื่อเราเพิ่มไม้ไปเรื่อยๆ ในขณะที่ Trend ก็ Run ต่อไป จะทำให้พอร์ตเราเพิ่มกำไรได้อีกหลายเท่า มากกว่าการ Run Trend เพียงไม้เดียว

ตัวอย่าง UCAD => ถ้าเรา Run Trend เราจะเข้าเพิ่มอีก 3 ไม้ และตอนนี้ ไม้ 1-3 ก็ไม่มีต้นทุนแล้ว เหลือแค่ไม้ 4 ที่ยังมีโอกาสขาดทุนอยู่ หากราคาหลุดลงมา แต่กราฟก็ยังคงขึ้นอย่างแข็งแรง ไม่มีจังหวะพักตัวเลย

แผน Cony

แผน Cony คือ การรับเพื่อเด้งที่ TL ใน TF ใหญ่ + การเกิด OS ของ Trend ลงใน TF เล็ก เป็นจุดรับที่คุ้มเสี่ยง

จากนี้ให้รอดู 2 สถานการณ์
1. ราคาเด้งจริง --> ให้เราเล่นตามแผน Brown ต่อหลังจาก Break TL ต้านของ Trend ลง TF เล็กขึ้นไป เข้าเพิ่มรวม 4 ไม้ ได้แก่
1) Throw Back
2) Fibo 61.8%
3) New High
4) เบรค Trend เล็กที่ย่อลงมาทำ Throw Back

2. ราคาไม่เด้งแต่ทะลุ TL ของ TF ใหญ่ลงไป --> ทำการ Hedge Short ด้วย Position เท่ากัน และรอดูว่าราคาจะวิ่งทางไหน ถ้าวิ่งลง ก็ให้หาจังหวะปิด Long และเปิด Short เพิ่ม หากราคาวิ่งลงไปต่อจริงๆ


3. สรุปแผน Cony อีกครั้งจาก AJ
"อ่านกราฟให้ออกก่อนตัดสินใจเล่น"
1. ราคาลงมาเรื่อยๆ จนเกิดขา ABC ที่ตี Channel ได้
2. ราคาลงมาที่ TL รับของ TF ใหญ่กว่า + เกิด RSI Divergence
3. ราคาเด้งแรงจนเบรค TL ต้านขาลง แสดงว่าเป็นขาขึ้นหรือ Sideway
4. เปลี่ยนหน้าเล่นจาก Sell เป็น Buy ตั้ง SL ที่ Low ล่าสุด
5. เมื่อเกิด Sideway หลังจากทำ High แสดงว่ากำลังทำ B,2 ให้มองรูปแบบ Flat or Zigzag จากการวัด Fibo Retracement ของขา B ตัวอย่างในรูปเป็น Flat เพราะ B > 61.8%,A ดังนั้นเป้า C= 61.8%,A ตรงกับ Fibo ชุดที่ขึ้นมาที่ 38.2%



วันพุธที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

Review 30 Jul 14

วันนี้เราขาดทุนอีกแล้ว ขาดทุนไป 183USD ทำไปได้ จะขาดทุนแบบนี้ไปเรื่อยๆ เลยหรอ ไม่ได้นะ เราไม่ยอมเด็ดขาด เราจะต้องกลับมาทำพอร์ตให้มีกำไรให้ได้ ต้องหาจุดอ่อนและจุดผิดพลาดให้เจอ และลบมันออกไป ไม่ทำมัน ให้ทำในสิ่งที่เราต้องทำและควรทำเท่านั้น ไม่อย่างนั้น เราก็จะขาดทุนแบบนี้อีก

ตั้งใจจะหากำไรให้ได้ 3% ต่อสัปดาห์ ปรากฏวันพุธแล้ว เรากลับขาดทุนไป 3% เอง แย่จริงๆ เอาใหม่ๆ ห้ามผิดซ้ำอีกเด็ดขาด ท่องทุกวัน อ่านทุกวัน


สิ่งที่เรานึกขึ้นมาได้และต้องจดจำเอาไว้
1. จังหวะที่เรา Run Trend ได้ เราต้อง Run Trend ให้ถึงที่สุด ไม่ต้องคิดมากกว่ามันชนแนวต้านหรือ CH บนแล้ว จะต้องร่วง ปล่อยมันไป ถ้า Trend ขึ้น มันก็จะวิ่งขึ้นต่อไป เราไปควบคุมมันไม่ได้ สิ่งที่เราควบคุมได้คือ ยก Trailing Stop ตามไป และสิ่งสำคัญอีกอย่างที่ต้องทำ คือ การเพิ่ม Position ทุกๆ การ Break High เราจะต้องทำทุกครั้ง ต่อให้ครั้งนี้ เราอาจจะพลาด โดนก็ต้องโดน เพราะถือว่าเราทำตามระบบ แต่เมื่อ Trend มันมาเมื่อไร เราจะได้กำไรเยอะกว่าที่เสียไปแน่นอน
2. เราต้องปรับแผนการเข้าด้วย Cony เหลือเพียงแค่ 1 ไม้คือ 0.25% หากเราเข้าไปแล้วมันเด้ง ก็ดีไป แต่ถ้ามันไม่เด้งและวิ่งลงไปต่อ ทะลุ TL ลงไป เราต้องทำการ Hedge Short ไว้ด้วย PZ เท่ากัน จากนั้นรอมันเลือกทาง ถ้าเลือกทางไหน เราก็ไปทางนั้น และมาวางแผนการปิด Position ที่ตรงข้ามทิ้งไป พร้อมกับการเปิด Position ในทางนั้นเพิ่มเมื่อมีการ Break New High/Low
3. การเทรดคือ การทำธุรกิจ หากเราทำแล้วขาดทุน ก็ไม่รู้จะทำไปทำไหม เราจะต้องทำให้มันสร้างกำไรขึ้นมาให้ได้ ระบบเทรด ก็เหมือนสูตรอาหาร หากเราหาสูตรอาหารเจอ ทำได้อร่อย ทำเงินได้ เราก็ไม่ต้องเสียเวลาเปลี่ยนสูตรแล้ว แค่ขายแบบเดิมๆ ต่อไป ก็ได้เงินสดไหลเข้ามาตลอด ดังนั้น เราจะต้องหาระบบเทรดให้ได้
4. การเบรค TL ลงมา ถือว่าเป็นขา A และเด้ง B เพื่อลง C ส่วน A มีได้ 2 แบบ
1) A มี 5 ขา --> โอกาสเป็น Zigzag สูง คือ B เด้งไม่เกิน 61.8% และ C= 100%,A ถ้าเล่นเด้งให้วัดเป้า B= 38.2%,A
2) A มี 3 ขา --> โอกาสเป็น Flat สูง คือ B เด้งมา 61.8% และลง C= 61.8-100%,A ถ้าเล่นเด้ง B จะได้เป้าไกลหน่อยที่ 61.8%,A
5. RSI ใช้บอกการลงไปถึง OS คือ ยังคงยืนยัน Trend นั้นอยู่ หากราคายังไม่เบรค
6. ถ้า RSI เกิด Divergence ที่ OB และเบรค TL ลงมา แสดงว่าจบรอบขาขึ้นนี้แล้ว นับขาเบรคเป็น A
7. ถ้า RSI เกิด Divergence ที่ OB แต่ยังไม่เบรค TL ลงมา โอกาสขึ้นไปต่อก็มีสูง ให้ใช้ แนวรับแนวต้าน เบรค High, Price Pattern มาหาจังหวะเข้าเพิ่ม

สิ่งที่เราผิดพลาดและทำให้ขาดทุนในวันนี้
1. AU ขาดทุน เพราะเราดันไปเข้า Buy เมื่อราคาเบรค TL ต้านของขา A แต่เราไม่ได้ดูให้ดีว่ามันได้เบรค TL ขาขึ้นของชุดนี้มาแล้ว ทำให้เราตัดสินใจเข้าไปตรงขา B และตั้ง SL ที่ HL ก่อนหน้า สรุปราคาเด้งไปแค่ 38.2%,A (ขา B) และลงมาเป็นขา C = 100%,A ปัจจุบัน ลงไปเกิน 100% เรียบร้อยแล้ว

สิ่งที่เราทำพลาดและจะไม่ให้พลาดอีก
1. เราต้องเล่นตาม Trend เท่านั้น เราต้องเล่นตาม Trend เท่านั้น เราต้องเล่นตาม Trend เท่านั้น
2. ในขาลง หา AB ให้เจอ และเราจะเจอ C แน่นอน



2. UJ ขาดทุน เพราะเราไปตั้ง Sell ที่ CH ต้านใน H4 และตั้ง SL ที่ LH ล่าสุด แต่ลืมดูว่าราคาได้เบรค CH ต้านนี้ขึ้นมา พร้อมกับเบรค New High แถมราคายังไม่เคยเบรค TL รับเลย แม้ RSI จะ Divergence ราคาก็มีโอกาสขึ้นต่ออยู่ดี 

สิ่งที่เราทำพลาดและจะไม่ให้พลาดอีก
1. เราไม่ยอมเปิด Buy ทั้งๆ ที่เห็นแล้วว่าราคาเบรค TL ขึ้นมา ปล่อยดูการขาดทุนไปแบบนั้นเรื่อยๆ โดยไม่ทำอะไรเลย ทำให้เราขาดทุนจริงๆ 
2. การออกเป้า ทำให้เราขายหมูได้ง่ายมาก เห็นราคาแบบนี้แล้ว อยากจะ Shock เวลามันเป็น Trend นี้ อะไรก็หยุดไม่อยู่ ขายแบบโคตรหมูกันเลยทีเดียว ดังนั้น เราต้องมีไม้ Run Trend ให้ได้ ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม และค่อยหาจังหวะเพิ่มไม้เข้าตอนที่เป็น Trend ไปแล้ว โดยการตั้ง Buy Stop @High

เป้าหมายการเทรด

เราต้องการเป็น "เทรดเดอร์ที่เก่งที่สุดในโลกและร่ำรวยด้วย" เพราะมันตอบโจทย์ชีวิตเราในทุกด้าน
1. ด้านการงาน เราอยากทำเทรดเดอร์ เรารู้สึก ชอบ รัก และหลงใหลในการเทรด
2. ด้านการเงิน ถ้าเราทำมันได้สำเร็จ การเงินจะเข้ามาอย่างแน่นอน เพราะเราทำงานเกี่ยวกับการเงิน การลงทุน
3. ด้านสุขภาพ ถ้าเราเป็น Full-Time Trader ได้ เราจะมีสุขภาพที่ดีไปด้วย เพราะเราจะมีเวลาในการออกกำลังกายมากขึ้น
4. ด้านครอบครัว ถ้าเราเป็น Full-Time Trader เราจะมีเวลาให้ครอบครัว ให้ป๊าม๊า ให้ลูกและแฟนเรา ให้คนที่เรารักได้มากขึ้น นอกจากนี้ เรายังมีเงินทำให้ทุกคนที่เรารักมีความสุขมากยิ่งขึ้นไปด้วย
5. ด้านสังคมหรือจิตวิญญาณ ถ้าเราประสบความสำเร็จมีเงินเข้ามามากมาย เราสามารถบริจาคเพื่อช่วยเหลือผู้คนได้
6. ด้านท่องเที่ยว ถ้าเราสำเร็จ เราจะไปท่องเที่ยวที่ไหนก็ได้ในโลกที่เราอยากไป ไม่ต้องกระเบียดกระเสียนใช้เงินในการไปเที่ยวแต่ละครั้ง ตอนที่เราทำงานประจำ
7. ด้านอารมณ์ ทำให้เรามีอารมณ์ที่ดีในการทำงาน เพราะได้ทำงานที่ตัวเองรัก และทำให้เราสนุกกับมัน ไม่รู้สึกเหมือนกับว่าทำงาน

ดังนั้น เราจะประสบความสำเร็จในการเป็น "เทรดเดอร์ที่เก่งที่สุดในโลกและร่ำรวยด้วย" นั้นจะต้องทำสิ่งต่างๆ ด้านล่างนี้ให้ได้โดยที่ไม่ย่อท้อ ไม่บ่น มีวินัย อดทน ไม่คิดถึงปัญหาเล็กน้อย ไม่กลัว ไม่โลภ แต่กล้าลุย!!!

อ่านทุกวัน
Yearly Target

August 2015
ทำกำไรจากการเทรดให้ได้ 60,000 บาทต่อเดือน
มีรูปแบบการเทรดเป็นของตัวเองที่ชัดเจน
สร้างกำไรได้อย่างต่อเนื่อง
Actual = Date :

August 2016
ทำกำไรจากการเทรดให้ได้ 120,000 บาทต่อเดือน
เป็นที่รู้จักของวงการเทรดเดอร์
ได้เชิญไปออกรายการทีวี
Actual = Date :

August 2017
ทำกำไรจากการเทรดให้ได้ 240,00 บาทต่อเดือน
เป็น Full-Time Trader
ลงทุนคอนโดเพิ่ม 2 ห้อง
Actual = Date :

Monthly Target

August 2015
1. เทรดให้ได้กำไร 10% ต่อเดือน เหมือนกับการทำธุรกิจที่เราจะต้องมีกำไร
2. อ่านหนังสือการเทรดให้จบ 3 เล่ม
3. Hit Rate = 70%
4. หารูปแบบการเทรดที่ชัดเจนและเหมาะสมกับเรา
Actual = Date : 31 August 2014

Weekly Target

1. เทรดให้ได้กำไร 3% ต่อสัปดาห์
2. ทำ ทบทวนวิธีการเทรด ที่เราได้เรียนรูปช่วงสัปดาห์นั้น
3. อ่านหนังสือให้จบ 1 เล่ม
4. วางแผนเทรดสำหรับสัปดาห์หน้า
5. ทบทวน Review ที่ผ่านมาในสัปดาห์นั้น
6. Hit Rate = 70%
Actual = Date : Wk33

Daily Target

1. อ่านหนังสือวันละ 1 ชม.
2. ทำ Review ทบทวนการเทรดในแต่ละวันว่าเป็นอย่างไรบ้าง ได้เรียนรู้อะไร
3. สรุป Win/Loss Orders ในแต่ละวัน เพื่อวิเคราะห์การเทรดว่าเราทำตามแผนหรือไม่ และมีข้อไหนที่เราควรปรับปรุงบ้าง
4. ทำ Trading Plan วางแผนการเทรดในวันถัดไป
5. ศึกษากราฟย้อนหลัง เพื่อหารูปแบบการเทรดของเราให้เจอ
6. Hit Rate = 70%
7. เทรดให้ได้กำไรวันละ 0.6% ต่อวัน

สิ่งที่ต้องทำ

สิ่งที่ต้องทำ

1. Setup Weekly Target to achieve
2. Read my dream every night
3. ทำ Trading Record ที่ลงทั้งรูปแบบการเข้า Bet Sizing จำนวนออเดอร์ที่ปิดไปต่อการเข้า 1 ครั้ง RR Avg
4. ทบทวนรูปแบบที่เข้า+Bet Sizing
5. วิธีการดูกรอบ Zone ของจานบอม
6. ประกาศขายกล้อง
7. ประกาศเช่าบ้าน
8. ประกาศขายรถ
10. ชื่อแผนการเทรด Line - Moon, Brown, Cony, Sally, Leonard, James, Edward, Boss
11. ทำ Back Test ระบบ
12. ดูการวิ่งขึ้นของราคาใน channel ว่าก่อนไปถึงด้านบน มีการเบรคลงของ Trend ขึ้นใน TF ย่อยไหม --> มีการเบรค ดังนั้นเมื่อราคาขึ้นไปให้เราย้าย Trailing Stop ขึ้นมาเพื่อ Protect ทุนไว้ก่อนเสมอ
13. ตลาดเป็น Random
14. วางแผนกลางคืนและกลับมา Review ทุกวัน สรุปทั้งได้และไม่ได้ออเดอร์ และออเดอร์ที่ปิดไปเป็นกำไรและขาดทุน พร้อมเหตุผล
15. สรุป Financial Plan ของเราตั้งแต่เงินเก็บถึงเงินลงทุนทุกแหล่ง เพื่อให้มองภาพรวมการเงินได้
16. สรุประบบเทรด วิธีการเทรดสั้นยาว เป้าหมายการเทรดสั้นยาว
17. ทำ Review Financial ทุกเดือน
18. ทำสรุปผลออเดอร์ที่ปิดทุกออเดอร์ My Armies Result
19. ทำ Check List สำหรับการตัดสินใจก่อนเปิดออเดอร์
20. Revise ราคารถ
21. ทบทวนเป้าหมายการลงทุนให้ชัดเจนมากขึ้น
22. ทำรูปให้คิดบวก
23. สรุปเป้าหมายและความฝันของเราให้ชัดเจนแบบหนังยางล้างใจ
24. ระยะสั้น เราต้องแก้พอร์ตจาก -10% เป็น +10% ให้ได้ภายใน เดือน ต.ค. 57 ให้ได้
25. สร้างระบบ KZM กับทอง ทำระบบที่ generate cash flow ให้กับเรา
26. ซื้อหนังสือ "รวยเปลี่ยนโลก" & "ปรับแนวคิด พิชิตตลาดหุ้น"

สิ่งที่ต้องปรับปรุง และสิ่งต้องห้ามที่ต้องไม่ทำมันอีก

อ่านทุกวัน
สิ่งที่ต้องปรับปรุง ต้องไม่ทำมันอีก ถ้าทำมัน เราจะเสียเงิน!!!

30 July 14
1. ทำตามแผนเท่านั้น ห้ามเปลี่ยนแผนกลางคัน หรือเปลี่ยนม้ากลางศึกเด็ดขาด
ขาดทุนจากวิธีนี้ไปทั้งหมด 1 ครั้ง
2. อย่าเฝ้าหน้าจอ ให้ยึดแผนการเทรดที่เราวางไว้ทุกคืนเป็นหลัก
3. เราต้องทนกำไรได้ เพราะเรายังทนขาดทุนได้เลย จิตวิทยาการลงทุนที่สำคัญ และทำให้เราอยู่รอดในตลาดได้ในระยะยาว
ขาดทุนจากวิธีนี้ไปทั้งหมด 1 ครั้ง
4. จงเชื่อใน Trend มันจะพาเราไปสู่เป้าหมายที่เราวางไว้ได้

31 July 14
1. ห้ามเล่นสวน Trend เด็ดขาด!! เราต้องเล่นตาม Trend เท่านั้น เราต้องเล่นตาม Trend เท่านั้น เราต้องเล่นตาม Trend เท่านั้น
ขาดทุนจากวิธีนี้ไปทั้งหมด 3 ครั้ง
2. ในขาลง หา AB ให้เจอ และเราจะเจอ C แน่นอน
3. เราไม่ยอมเปิด Buy ทั้งๆ ที่เห็นแล้วว่าราคาเบรค TL ขึ้นมา ปล่อยดูการขาดทุนไปแบบนั้นเรื่อยๆ โดยไม่ทำอะไรเลย ทำให้เราขาดทุนจริงๆ 
4. การออกเป้า ทำให้เราขายหมูได้ง่ายมาก เห็นราคาแบบนี้แล้ว อยากจะ Shock เวลามันเป็น Trend นี้ อะไรก็หยุดไม่อยู่ ขายแบบโคตรหมูกันเลยทีเดียว ดังนั้น เราต้องมีไม้ Run Trend ให้ได้ ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม และค่อยหาจังหวะเพิ่มไม้เข้าตอนที่เป็น Trend ไปแล้ว โดยการตั้ง Buy Stop @High

1 Aug 14
1. อ่าน Trend ให้ขาด ว่าตกลงเรากำลังเล่น Trend ของ TF อะไร
2. เข้าออกตามแผนเท่านั้น ไม่เล่นนอกแผน หรือใช้อารมณ์มาตัดสินใจเข้า เช่น เห็นว่าราคาลงมาต่ำแล้ว เปิดได้ SL น้อยๆ อัด Lot เยอะๆ กำไรจะได้คืนมาเร็วๆ สุดท้ายก็เทรดสวน Trend ทำให้เราขาดทุนไป
ขาดทุนจากวิธีนี้ไปทั้งหมด 1 ครั้ง

สิ่งดีๆ ที่จดจำและเอาไปใช้

อ่านทุกวัน
สิ่งดีๆ ที่น่าจดจำเอาไปใช้

30 July 14
1. อ่าน Trend ให้ออก และเทรดหน้าเดียวกับ Trend เช่น UCAD, UJ, GU
ใช้วิธีนี้แล้วประสบผลสำเร็จทั้งหมด 3 ครั้ง

2. ราคาที่ยังไม่เบรค TL แสดงว่ายังคงวิ่งไปตาม Trend นั้นอยู่ ให้เราเล่นหน้าเดียวกับ Trend ต่อไป เช่น UCAD
ใช้วิธีนี้แล้วประสบผลสำเร็จทั้งหมด 1 ครั้ง
3. ราคาที่เบรค Trend มาแล้ว ให้เปลี่ยนหน้าเล่น เช่น UJ
ใช้วิธีนี้แล้วประสบผลสำเร็จทั้งหมด 1 ครั้ง

4. ราคาเบรคสามเหลี่ยม วัดเป้า Fibo 261.8% เสมอ
5. ราคา Forex มักจะวิ่งช่วงเย็น คือ ตลาด US & EU เปิด ช่วงเช้าไม่ค่อยมีอะไร ไม่ต้องไปเฝ้ามันมาก

31 July 14
1. จังหวะที่เรา Run Trend ได้ เราต้อง Run Trend ให้ถึงที่สุด ไม่ต้องคิดมากกว่ามันชนแนวต้านหรือ CH บนแล้ว จะต้องร่วง ปล่อยมันไป ถ้า Trend ขึ้น มันก็จะวิ่งขึ้นต่อไป เราไปควบคุมมันไม่ได้ สิ่งที่เราควบคุมได้คือ ยก Trailing Stop ตามไป และสิ่งสำคัญอีกอย่างที่ต้องทำ คือ การเพิ่ม Position ทุกๆ การ Break High เราจะต้องทำทุกครั้ง ต่อให้ครั้งนี้ เราอาจจะพลาด โดนก็ต้องโดน เพราะถือว่าเราทำตามระบบ แต่เมื่อ Trend มันมาเมื่อไร เราจะได้กำไรเยอะกว่าที่เสียไปแน่นอน
2. เราต้องปรับแผนการเข้าด้วย Cony เหลือเพียงแค่ 1 ไม้คือ 0.25% หากเราเข้าไปแล้วมันเด้ง ก็ดีไป แต่ถ้ามันไม่เด้งและวิ่งลงไปต่อ ทะลุ TL ลงไป เราต้องทำการ Hedge Short ไว้ด้วย PZ เท่ากัน จากนั้นรอมันเลือกทาง ถ้าเลือกทางไหน เราก็ไปทางนั้น และมาวางแผนการปิด Position ที่ตรงข้ามทิ้งไป พร้อมกับการเปิด Position ในทางนั้นเพิ่มเมื่อมีการ Break New High/Low
3. การเทรดคือ การทำธุรกิจ หากเราทำแล้วขาดทุน ก็ไม่รู้จะทำไปทำไหม เราจะต้องทำให้มันสร้างกำไรขึ้นมาให้ได้ ระบบเทรด ก็เหมือนสูตรอาหาร หากเราหาสูตรอาหารเจอ ทำได้อร่อย ทำเงินได้ เราก็ไม่ต้องเสียเวลาเปลี่ยนสูตรแล้ว แค่ขายแบบเดิมๆ ต่อไป ก็ได้เงินสดไหลเข้ามาตลอด ดังนั้น เราจะต้องหาระบบเทรดให้ได้
4. การเบรค TL ลงมา ถือว่าเป็นขา A และเด้ง B เพื่อลง C ส่วน A มีได้ 2 แบบ
1) A มี 5 ขา --> โอกาสเป็น Zigzag สูง คือ B เด้งไม่เกิน 61.8% และ C= 100%,A ถ้าเล่นเด้งให้วัดเป้า B= 38.2%,A
2) A มี 3 ขา --> โอกาสเป็น Flat สูง คือ B เด้งมา 61.8% และลง C= 61.8-100%,A ถ้าเล่นเด้ง B จะได้เป้าไกลหน่อยที่ 61.8%,A
5. RSI ใช้บอกการลงไปถึง OS คือ ยังคงยืนยัน Trend นั้นอยู่ หากราคายังไม่เบรค TL ลงมา
6. ถ้า RSI เกิด Divergence ที่ OB และเบรค TL ลงมา แสดงว่าจบรอบขาขึ้นนี้แล้ว นับขาเบรคเป็น A
7. ถ้า RSI เกิด Divergence ที่ OB แต่ยังไม่เบรค TL ลงมา โอกาสขึ้นไปต่อก็มีสูง ให้ใช้ แนวรับแนวต้าน เบรค High, Price Pattern มาหาจังหวะเข้าเพิ่ม
8. เวลาขาดทุน ต้องขาดทุนให้น้อย แต่เวลาได้กำไร ต้องได้กำไรให้มาก

1 Aug 14
1. ถ้าตัวไหนที่เราเข้า Trend ถูกแล้ว วิ่งไปตาม Trend ที่เราวางแผนไว้ ให้หาโอกาสเพิ่มไม้หรืออัด Lot เข้าไปเพิ่ม เพื่อทำให้กำไรโดยรวมมากขึ้นกว่าการ Run แค่ไม้แรก เช่น Run Trend UCAD
2. การ Break TL ให้รอดูว่า Break แล้วสามารถอยู่นอก TL ได้ 5 แท่งขึ้นไป ถือว่าใช้ได้ แต่ถ้าเบรคมา 1 แท่ง ต้องระวัง 2-3 แท่งถัดไป อาจวิ่งกลับเข้าไป Trend เดิมก็ได้ เหมือนอย่างที่วันนี้เราโดน AJ และ GU

AJ = FALSE BREAK

GU = REAL BREAK

3. สิ่งที่ต้องระวังตัวในช่วงประกาศข่าวคือ STOP HUNT วันนี้เจอไป 2 ตัวคือ Gold & UJ ทางแก้ คือ กรณีที่เราเข้าที่ Low ให้ตั้ง SL เผื่อไป 30 pips โดนคือโดน


Review 29 Jul 14

ผิดพลาดเรื่องเดิมๆ ตลอด

1. เปลี่ยนแผนกลางคัน เปลี่ยนม้ากลางศึก --> ทองย้าย SL ให้แคบลงทั้งๆ ที่ราคายังไม่ทำ New Low เลย พอราคาขึ้นมากิน SL และเปิด Buy ก็โดนอีก เพราะมันยังเป็น Trend ลงอยู่ มันติด Trend H4 ไม่ผ่าน ดังนั้น

สิ่งที่ได้เรียนรู้ ครั้งต่อไป เราต้องให้ น้ำหนัก TL ของ TF ใหญ่มากกว่า TF เล็ก หากราคาชน TF ของ TF ใหญ่แล้วย่อลงมา ก็พิจารณาว่า ยังเป็น Trend ของ TF ใหญ่นั้นอยู่

2. อย่าเปิดปิดแผนมั่วซั่ว --> เทรดทองวันนี้ทำให้เรารู้ตัวเองเลยว่า ใช้อารมณ์เทรดมากกว่าแผนการเทรด เปิดในจุดที่ไม่มั่นใจ และตั้งปิดในจุดที่ไม่เหมาะสม เพราะกลัวขาดทุน สุดท้ายขาดทุนจริงๆ แม้จะน้อยกว่าตามแผน แต่ถ้าทำตามแผน เราคงไม่ขาดทุน แถมได้กำไรอีกต่างหาก

สิ่งที่ได้เรียนรู้ ครั้งต่อไป เราต้องยึดแผนเดิมไว้เสมอ ไม่เปลี่ยนแผนกลางคันเด็ดขาด เพราะราคาแกว่งตัว


3. Disposition Effect --> วันนี้โดนไปเต็มๆ กับเรื่องนี้ คือ พอขาดทุน เราทนเห็นขาดทุนได้ จนกระทั่งโดน SL แต่พอเวลาเราได้กำไร เรากลับรีบปิดไป (ถึงแม้จะออเดอร์เล็กๆ ก็ตาม) หรือพยายามที่จะปิดให้ได้ก่อนถึงเป้า เพราะกลัวกำไรหาย ทั้งๆ ที่ราคาก็วิ่งมาถึงเป้าตามที่เราวางแผนไว้จริงๆ เราโดนจิตวิทยาข้อนี้เข้าครอบงำอยู่ ต้องแก้ให้ได้

สิ่งที่ได้เรียนรู้ ครั้งต่อไป เราต้องทนให้ราคาไปถึงเป้าที่เราวางแผนไว้ให้ได้ แม้มันจะมีการแกว่งตัวก็ตาม พยายามคิดถึงตอนที่เราทนขาดทุนได้ ดังนั้น เราก็ต้องทนกำไรได้เช่นกัน โดยการยึดตามแผนการเทรดที่เราทำเอาไว้ ไม่เปลี่ยนแผนกลางคัน เปลี่ยนม้ากลางศึก

ตัวอย่างที่ชัดเจน คือ UCAD & UJ & GU

4. Trend is my Friend --> "เทรน" คือ "เพื่อนที่ดีที่สุดของเรา" ในการเทรด เราต้องเทรดตามเทรนเท่านั้น และเทรน ถ้ามันขึ้น มันก็จะขึ้นต่อไป หรือ ถ้ามันลง มันก็จะลงต่อไป จนกระทั่งมีสัญญาณกลับตัว ดังนั้น เราไม่ต้องไปคิดมากว่ามันชนแนวต้านแล้ว มันต้องร่วงลงมาแน่นอน ไปคิดแบบนั้นไม่ได้ ต้องให้มันร่วง "หลุด TL" ลงมาก่อน จึงค่อยพิจารณาว่ามันจบขาขึ้นแล้ว

สิ่งที่ได้เรียนรู้ ครั้งต่อไป "อย่าไปคิดเอง" ว่าชนแนวต้าน หรือ CH แล้วมันต้องร่วง มันไม่ได้เป็นแบบนั้นเสมอไป ถ้ามันขึ้น มันก็จะขึ้นต่อ "จงเชื่อใน Trend"

ตัวอย่าง คือ UCAD & UJ & GU

5. เป้า Fibo --> ถ้าเราเล่นตาม Trend ให้ตั้งเป้า Fibo = 261.8% ไปเลย จึงจะได้เป้าไกลที่คุ้มค่าเสี่ยงหน่อย ไม่อย่างนั้น ถ้าวัด Loop เล็ก มันจะไม่คุ้มเสี่ยง

สิ่งที่ได้เรียนรู้ ครั้งต่อไปให้วัดเป้า Fibo 261.8% ในการออกเมื่อเล่นตาม Trend

ตัวอย่าง คือ UCAD & UJ

ส่วน GU เราวัดเป้า Fibo 161.8% เพราะราคาเป็น Trend ลงมาไกลแล้ว จึงออกเป้าใกล้ดีกว่า และราคาก็ลงมาหยุดที่เป้าจริงๆ




6. วาง SL แคบเกินไป --> วาง SL แคบ มีโอกาสโดนเหวี่ยงมากิน SL สูงมาก AU โชคดีที่ยังไม่โดน SL แต่ทำแบบนี้เราก็ต้องพึ่งโชคตลอด ดังนั้นเราต้องแก้ปัญหานี้ให้ได้

สิ่งที่ได้เรียนรู้ เราต้องวาง SL ให้กว้างกว่านี้ เพื่อให้ทนการแกว่งตัวของราคาได้

ตัวอย่าง AU



สิ่งดีๆ ที่น่าจดจำเอาไปใช้
1. อ่าน Trend ให้ออก และเทรดหน้าเดียวกับ Trend เช่น UCAD, UJ, GU
2. ราคาที่ยังไม่เบรค TL แสดงว่ายังคงวิ่งไปตาม Trend นั้นอยู่ ให้เราเล่นหน้าเดียวกับ Trend ต่อไป เช่น UCAD
3. ราคาที่เบรค Trend มาแล้ว ให้เปลี่ยนหน้าเล่น เช่น UJ
4. ราคาเบรคสามเหลี่ยม วัดเป้า Fibo 261.8% เสมอ
5. ราคา Forex มักจะวิ่งช่วงเย็น คือ ตลาด US & EU เปิด ช่วงเช้าไม่ค่อยมีอะไร ไม่ต้องไปเฝ้ามันมาก

สิ่งที่ต้องปรับปรุง
1. ทำตามแผนเท่านั้น ห้ามเปลี่ยนแผนกลางคัน หรือเปลี่ยนม้ากลางศึกเด็ดขาด
2. อย่าเฝ้าหน้าจอ ให้ยึดแผนการเทรดที่เราวางไว้ทุกคืนเป็นหลัก
3. เราต้องทนกำไรได้ เพราะเรายังทนขาดทุนได้เลย จิตวิทยาการลงทุนที่สำคัญ และทำให้เราอยู่รอดในตลาดได้ในระยะยาว
4. จงเชื่อใน Trend มันจะพาเราไปสู่เป้าหมายที่เราวางไว้ได้

วันอาทิตย์ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

Weekly Report - Wk30


หลังจากสัปดาห์ที่แล้วกำไรมา 5% ทำให้เราฝันหวานที่จะได้กำไรแบบนี้ทุกอาทิตย์ เดือนนึงก็กำไร 20% ทั้งปีก็กำไร 240% แต่...สุดท้ายความจริง มันก็ไม่ได้เป็นอย่างที่เราฝันหรือหวังเอาไว้ทั้งหมด ซ้ำร้ายยิ่งแย่กว่าเดิมอีก สัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์ที่น่าผิดหวังมาก จากกำไรรวม 6% สูงสุดของพอร์ต กลายเป็น -1% ของพอร์ต เท่ากับ สัปดาห์นี้ขาดทุน 7%!!!!

แต่ก็ทำให้เราได้เรียนรู้ข้อผิดพลาดหลายๆ ข้อ
1. ไม่ Bet มากเกินไป เพราะเราดันไป "มั่นใจเกินเหตุ" ว่า TL Week จะแข็งมากและรับอยู่ สุดท้ายราคาหลุดลงไปอย่างง่ายดาย และโดน SL ทำให้ขาดทุน 4% ในไม้เดียว
2. อย่าเล่นสวน Trend เราชอบไปรับจังหวะที่ราคาเด้งมาชน TL หลังจากหลุดลงมา สุดท้ายราคาเด้งทะลุกลับเข้าไปใน TL และทำ New High ทำให้เราเข้าใจว่า ตอนนั้น Trend ขาขึ้นใน TF เล็กกว่า ยังไม่จบ เราไม่ควรไป "สวนเทรน" แบบนี้ สิ่งที่เราทำได้ คือ "รอ" Trend ขาขึ้นใน TF เล็กกว่านั้นจบก่อน หมายถึงเบรค TL ขาขึ้นของ TF เล็กกว่า จึงค่อยตัดสินใจเข้า ก็ไม่สายเกินไป
3. แผนที่เคยวางเอาไว้ แล้วราคาวิ่งไปอีกทาง ควรจะ Cancel ไม่งั้นพอราคาดีดกลับมา ทำให้เราไม่ได้ราคาที่ได้เปรียบ โอกาสขาดทุนจะสูง
4. เราต้องทำตามแผนทุกอย่าง ไม่เปลี่ยนแผนกลางคัน ไม่เปลี่ยนม้ากลางศึก แต่เราขาดทุนจากการทำตามแผน ทั้งๆ ที่กำไรอยู่ เราจึงตัดสินใจปรับปรุงแผนและไม้ในการเข้าเป็น A-D
5. อย่าไปเปิดปิดออเดอร์ตามคนอื่น ให้ยึดแผนของเราเป็นหลัก

วันพุธที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

Review 23 Jul 14

ในใจลึกๆ ของเรา คิดเสมอว่า "อยากได้ของราคาถูก ต้นทุนดี ใกล้ Low" ทำให้เราตัดสินใจ วางแผนเข้าซื้อที่ราคาต่ำๆ ใกล้ Low โดยคิดว่ามันจะกลับตัวขึ้นไป ทั้งๆ ที่เป็นขาลง สิ่งนี้เป็นทัศนคติที่ผิด เราไม่ควรยึดติดกับราคาถูกหรือแพง เราควรยึดติดกับ Trend และความน่าจะเป็นที่ราคาจะวิ่งไปตาม Trend เท่านั้น เราต้องปรับทัศนคติเราใหม่

ยึดติดกับ Trend, Follow the Trend, Trend Following, Trend Follower

การที่เราจะตัดสินใจเปิด order Sell หลังจากราคาเบรคขาขึ้นใน TF หลักลงมาแล้ว มีได้ 2 วิธี
1. รอราคาเบรค Trend ขาขึ้นลงมาใน TF ที่เล็กกว่า เพื่อยืนยันการลงจริง --> ราคาทุนแพงสุด แต่ชัวร์สุด
2. รอเข้าที่ B = 61.8% of A ของ TF หลักที่เราเข้า --> ราคาดี แต่ความเสี่ยงสูงขึ้น
3. รอเข้าที่ขา C = 100% of A ของ TF ที่เล็กกว่า --> ราคาดีมาก แต่ความเสี่ยงสูงสุด

ตอนนี้สิ่งที่เราไม่สามารถประเมินได้คือ ความน่าจะเป็นในการเบรค  TL เมื่อ Test แล้ว 2 ครั้งขึ้นไป

การที่เราจะเล่น TF M30 เราต้องรอราคาเบรค TL ลงมาชัดเจนก่อน แล้วจึงค่อยเข้าไปวางแผน Pullback ใน M30 โดย Zone ที่เราตั้ง Order คือ ราคาวิ่งกลับมาแตะ EMA50 จนถึง TL ที่เบรคลงมา ตั้ง SL ที่ High ล่าสุด


การวางแผน ให้เราวางแผนทั้ง 2 หน้า และหลาย TF เอาไว้เลย เพื่อที่จะไม่ต้องนั่งคิดหลายรอบ โดยใช้ระบบ Channel นี่ล่ะ ถ้าทำแบบนี้เราจะมีแผน 1-2-3 ทั้งขาขึ้นขาลงและ 2-3 TF ในเวลาเดียวกัน

การสังเกตุ Impulse หรือ Correction ให้ใช้ Channel ดู
1. ราคาวิ่งอยู่ใน Channel => Correction
2. ราคาวิ่งทะลุ Channel ทำ Trend ซ้อน => Impulse Wave 3

Monowave ทุกขาจะมีคลื่นย่อยของมันอยู่ เราต้องเข้าไปดู TF ที่เล็กลงเพื่อแกะเวฟจากขานั้นๆ ด้วย Channel

เราจะใช้วิธีรับที่ 61.8% of A และตั้ง SL ที่ Low ของ A ได้ ก็ต่อเมื่อ ขา A ได้ Break TL ขาลงนั้นมาแล้วเท่านั้น!!! หากไม่ได้เบรคขึ้นมา ห้ามใช้วิธีนี้ เพราะแสดงว่ายังไม่จบขาลง และปกติเวลาราคาเบรคและย่อตัวลงมา จะไม่กลับเข้ามาใน Channel หรือ TL ขาลงนั้นอีกเด็ดขาด หากกลับเข้ามาแสดงว่าเรามองผิด Trend ยังเป็นขาลงอยู่เหมือนเดิม มีโอกาสทำ New Low ได้

กรณีที่ราคายังไม่เบรค TL ขาลงแต่มีขา A (ที่เราตั้งสมมติฐานไว้) เกิดขึ้นแล้ว ให้เราตั้ง order Buy Stop ที่เหนือ High นั้น เป็นการกันพลาดหากราคาวิ่งขึ้นตามที่เราคาดไว้จริง วิธีนี้ทำให้เราได้ต้นทุนสูงก็จริง แต่สามารถลดความเสี่ยงในการไปรับที่ 61.8% of A ได้อย่างมาก ลดการขาดทุนทั้งกำไรและจิตใจลงไปได้เป็นอย่างมาก

ถ้าราคาเบรค TL แล้ว มีวิธีเข้า Buy 2 วิธี
1. เมื่อราคาย่อตัวทำ Pullback ที่เส้น TL หรือใช้ Fibo B = 61.8% of A
2. เมื่อราคาทำ New High ให้เราตั้ง Buy Stop เหนือ High นั้นไว้ และใช้วิธีการออกด้วย TL 0-2 หรือ Channel ของขาขึ้นนั้นๆ

วางแผนเทรด USDTHB

วันพุธที่ 23 ก.ค. 57
ผลจากการวางแผนเทรดตั้งแต่เดือน เม.ย. 57


16 Aug 14
วิเคราะห์ UTHB ดูแล้วมีโอกาสกลัวตัวเป็นขาขึ้นแบบ Sideway Up ไปชน Channel บนของ H4 น่าจะทำให้ SET ลงมาอยู่แถวๆ 1420-1440
ถ้าราคาเบรค CH H4 ขึ้นไปได้ --> SET ลงต่อ
ถ้าราคาชน CH H4 แล้วลง --> SET กลับตัวขึ้น

Back Test

Back Test โดยใช้แค่ TL, Channel & แนวรับแนวต้าน ใน TF หนึ่งๆ กับ Gold

  1. แนวรับเมื่อราคาเบรค จะกลายเป็นแนวต้าน (ไม่ต้องขยับเส้น)
  2. Trend ขาลง เมื่อราคา Break Speed Line ไม่ได้บอกว่าราคาจะขึ้น อาจจะ Sideway แล้วลงต่อก็ได้
  3. เมื่อ Sideway จะเกิดกรอบราคา และ TL เพื่อหารูปแบบของราคาและการ Breakout ในการหาจังหวะเข้า
  4. จังหวะเข้า Breakout ไม่ใช่มีแค่ TL เท่านั้น กรอบแนวรับแนวต้านก็ใช้เป็นจุดเข้าได้
  5. สังเกตุราคาเป็น Trend จะเกิด Trend ซ้อน
  6. การเบรค Trend ซ้อนในขาลง ก็ไม่ได้หมายความว่า ราคาจะวิ่งขึ้น อาจ Sideway แล้วลงต่อก็ได้
  7. หา Trend หลักของ TF นั้นให้เจอ แล้วเล่นหน้าเดียวกับ Trend หลักนั้นเท่านั้น
  8. การเล่นสวน Trend เล่นได้ แต่ควรที่จะตั้งรับใกล้กับ Channel มากที่สุด เช่น Trend ขาลง ตั้ง Buy ที่ Channel ล่าง โดย SL สามารถตั้งได้ 2 วิธี
    1. ราคาเส้น Channel ล่าง - 50 pips
    2. วัดอัตราส่วน RR=1 ที่อยู่กรอบ Channel นั้น
  9. เมื่อราคาเบรค Trend หลักได้แล้ว จะถือว่าราคา "Sideway หรือ Uptrend" โดยจะต้องไม่หลุด Trend ขาขึ้นที่เบรคมานี้ ถ้าหลุด TL ก็กลับเป็นขาลงอีกครั้ง

วันอังคารที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

กลยุทธ์การเทรด

วันนี้เรารู้สึกเลยว่ามีปัญหาในเรื่องการทำตามแผน วินัย และการใช้ Gut หรือสัญชาตญาณในการเทรด
เราทำตามแผน แต่ขาดทุน แต่ถ้าเราใช้ Gut ปิดไปก่อนถึงเป้า กลายเป็นขายหมู RR ไม่ได้ตามคาดหวัง ทำให้ระบบเสีย โอกาสที่จะอยู่รอดในระยะยาวก็ยาก

ตอนนี้สิ่งที่เรานึกออกในการปรับกลยุทธ์การเทรดของเรา ให้สามารถทำตามแผนก็ได้ และใช้ Gut ได้ด้วย คือ "นำแนวคิด KZM มาประยุกต์ใช้"

แนวคิด KZM คือ มีทหาร 4 กลุ่มเอาไว้ใช้ในการเทรด โดยกลุ่ม
AB=Zone, CD=Technical
ส่วน AC=ออกเป้า มีวินัย, BD=ใช้ Gut ในการตัดสินใจออก
สิ่งที่เราจะนำมาใช้คือ การออกเป้าแบบ "มีวินัย" และ "ใช้ Gut" 

วิธีการออกที่เราใช้ที่ผ่านมาคือ
A. ออกตาม Channel นั้นๆ => เป้าใกล้มาก RR=0.5-1
B. ออก โดยคาดว่าราคาจะเบรคกรอบ Channel นั้นวิ่งไปยังเป้าของ Channel TF ใหญ่กว่า => เป้าไกล RR=2-3
C. ออก โดยใช้ Trailing Stop เพื่อทำการ Run Trend => เป้าไม่มี อาจจะได้เยอะมากหรือไม่ได้เลย RR > 3
D. ออก โดยใช้ Gut ตัดสินใจเอาเองเมื่อราคามีกำไรแล้ว => เป้าไม่มี อาจได้น้อย

ไม้ A มีหน้าที่เก็บ Cash Flow ออกมาจากระบบ แม้ RR จะไม่ได้ก็ไม่เป็นไร เพราะเป้าสั้น Hit Rate จะสูงแทน
ไม้ B มีหน้าที่สร้าง Port ระยะยาว เป็นไม้หลัก โดยใช้ Trailing Stop ในการออก ถ้าเกิดไปไม่ถึงเป้า
ไม้ C มีหน้าที่ Run Trend กรณีที่ราคาวิ่งตามหน้า Trend นั้นและเราออกไม้ AB ไปแล้ว
ไม้ D มีหน้าที่ ลดความกดดันกรณีราคาไม่ถึงเป้า โดยเราเก็บ Cash Flow จากไม้นี้ออกมา

เราหา Trend H1 และ Channel H1 เจอ คือ เรากำลังเล่นขาย่อยของ Trend H1 ซึ่งมันคือ Trend ใน M30 นั่นเอง ดังนั้นสิ่งที่เราควร focus คือ Trend M30 และดูการจบ Trend ของ M30 

รอเบรค TL ให้ชัดๆ ก่อนจึงตัดสินใจเข้า ไม่ใช่ "คิดว่า" มันจะเบรคลงแน่นอน (ไปเอาความมั่นใจมาจากไหน ใช้อารมณ์เข้าข้างตัวเองอีกแล้ว) และตัดสินใขเข้าไปก่อนเบรค

Review 22 Jul 14

วันนี้เราตั้งใจทำตามแผนการเทรดของเราทุกอย่าง โดยไม่ใช้อารมณ์ในการย้าย SL หรือเปลี่ยนแผนกลางคัน ผลปรากฎว่า โดน SL ไปหลายออเดอร์ รวมทั้งหมด 9 ออเดอร์ เป็น AU=6, EU=2, GU=1 จากที่กำไรเกือบ 100USD กลายมาเป็นขาดทุน 114USD รู้สึกเสียใจ แย่ที่ขาดทุน รู้สึกดีอย่างเดียวคือ ได้ทำตามแผน แต่ก็ยังรู้สึกอึดอัด เพราะถ้าเราปิดไปตั้งแต่เมื่อคืน ก็ยังมีกำไรอยู่บ้าง แต่ในเมื่อสัญญาแล้วว่าจะต้องทำตามแผน ก็ทำตามแผนให้ถึงที่สุด กลับกลายมาเป็นขาดทุนแบบนี้ซะได้ 


พอเราเห็นคนสำคัญปิด เราเลยปิด order ที่กำไรทั้งหมด เพราะเรา "คิดว่า" (ใช้อารมณ์ตัดสินอีกแล้ว) เราคงทำอะไรไม่ได้แล้ว เก็บกำไรไว้ก่อนดีกว่าขาดทุน เวลาผ่านมา 1 ชม ทุกตัววิ่งกลับไปทางที่เราเปิด order ไว้เลย อยากจะร้องไห้ วันนี้มันวันอะไรเนี่ย T-T
  


เอาน่ะ ถือว่าเราได้เรียนรู้ เริ่มต้นใหม่ เล่นตามแผนของเราเหมือนเดิม แต่ต้องปรับกลยุทธ์ใหม่ในการ Exit และ RR

วิเคราะห์รายตัวที่โดน SL
AU
เราเปิด Sell ไว้ตั้งแต่แท่งหางยาวด้านซ้าย ราคาไหลลงไปจนกำไรมาเกือบ 100USD พอเด้งขึ้นมาที่ CH ของ H4 เราจึงเปิด Sell เพิ่ม แต่คราวนี้ราคาย่อลงไปนิดเดียว และเบรค New High ขึ้นมาพร้อมเบรค TL ด้วย โดน SL กันไป อันนี้ทำตามแผนทุกอย่างถือว่าทำดีที่สุดแล้ว



Gold
ราคาลงมาตามแผนทุกอย่าง เบรคมาจนถึง 1304 รอดูจังหวะว่าจะเบรค TL H4 & Week ลงไปได้ไหม เผลอแปปเดียวราคาดีดใส่หน้ากลับมาที่ 1312 เลย ทำให้เราตัดสินใจปิดเพื่อเก็บกำไรเล็กน้อยเอาไว้ เพราะ "คิดว่า" (ใช้อารมณ์ตัดสินอีกแล้ว) ราคามีโอกาสเบรคขึ้น สุดท้ายราคาลงกลับมาที่เดิมเลย ปิดไปแบบโดนหลอกหลังหักจริงๆ

GU
อันนี้เราพลาดไม้เล็ก เพราะไปตั้ง SL ต่ำ วางแผนว่า ราคาที่ย่อลงมาแล้วเบรค TL เล็ก จะจบขาลง และกลับตัวเป็นขาขึ้นแล้ว ปรากฎขาที่เด้งขึ้นมาเป็น B = 61.8% of A ดังนั้นขา C จึงมีโอกาสลงไปที่ 100% of A ปรากฎราคาลงมาจริงๆ ที่ C= 100% of A ต่อไปเราคงต่อหา Pattern นี้ และจังหวะที่เราเข้าเบรค TL ครั้งแรกนั้น ต้อง Bet น้อย เพราะอาจจะเป็นขา B ได้ สิ่งที่พลาดอีกเรื่องคือ ตอนที่ราคาเด้งกลับเป็น Reversal Candle เราก็ "คิดว่า" (ใช้อารมณ์ตัดสินใจอีกแล้ว) ราคาเบรคแน่นอน สุดท้ายราคาชน TL ครั้งที่ 2 และลงกลับมาที่ C = 100% of A จริงๆ 


EU
เราวางแผนว่าราคาลงมาเป็นไส้ยาวนั้นน่าจะจบขาลงแล้ว จึงตั้งรับที่ Fibo 50% & 61.8% ปรากฎราคาไหลลงมาอย่างแรงกิน SL ทุกอันหมด แถมราคาทำ New Low ชนิดโหดมาก 
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า "เราควรเล่นตาม Trend" รู้อยู่แล้วว่าเป็น Trend ขาลง + ราคา Break TL Week ลงมาอีก จึงควรหาจังหวะเล่นขาลงมากกว่า วิธีหนึ่งที่จะทำได้คือ เมื่อเราเห็นขาลงเป็น Trend หลัก และราคาเด้งขึ้นไปทำ Sideway หากราคาเบรค TL ลงมา ให้เข้า Sell เพื่อที่จะกินกรอบขาลงนั้น RR ตาม Trend จะคุ้มเสี่ยงมากกว่า




วันจันทร์ที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

Advance Skype Meeting

  • Indicator อะไรกำไรดีที่สุด? --> ไม่มี คิดว่ามันเท่ากัน
  • Indicator ค่าไหนเหมาะที่สุด? --> ค่า Default ที่ให้มา ดีแล้ว
  • TF อะไรดีที่สุด? --> TF ใหญ่จะง่ายที่สุด ให้เริ่มที่ระดับ Day ก่อน
  • ต้องนับ EW ด้วยหรือไม่? --> ไม่จำเป็น
  • การเทรดที่ดี
    • มีการบริหารเงินทุน หน้าตักที่ดีเยี่ยม
    • เครื่องมือเท่าที่จำเป็นที่เราใช้มันเป็นจริงๆ
  • หาวิธีที่ง่ายที่สุดในการเทรด เช่น Clean Chart
  • เริ่มวิธีที่ง่ายสุดก่อน คือ High-Low
  • ใส่เงินเผื่อเหลือในการ Bet กับอนาคตที่เราไม่เห็น
  • การเกิด High & Low จะได้กรอบราคามา เบรคทางไหน เล่นทางนั้น
  • ถ้าราคาเบรค High และยก HL ขึ้นไปเรื่อยๆ เราก็ยก SL ตามไปด้วย เมื่อราคา Break High ล่าสุด แต่ลงมาหลุด HL ล่าสุด เราก็ Exit Long แต่ไม่ใช่จุดที่ควรเปิด Short เพราะยังไม่เห็น LH เลย
  • Sideway คือ การที่มี 2 กลุ่มทะเลาะกันอยู่ แต่เมื่อราคา Breakout ทุกคนจะมองไปในทางเดียวกัน ราคาจึงวิ่งเร็ว
  • ในการดูกราฟ ก็เหมือนกินก๋วยเตี๋ยว ใช้ตะเกียบอย่างเดียว ก็กินน้ำซุปไม่ได้
  • ระบบครูหยง ราคา < EMA89 และราคาทำ LH และทะลุ Low ก่อนหน้า => Sell Signal
  • EMA คือ ค่าเฉลี่ยย้อนหลัง
  • เครื่องมือที่วัดอัตราความผันผวนของราคา = ATR (Average True Range)
    • ค่า ATR ต่ำ -> ราคาไม่ไปไหน อยู่ในกรอบ
    • ค่า ATR สูง -> ราคากระชากแรง ผันผวนมาก ถ้าตาม Breakout จะอันตราย ควรรอ
  • เทรดหน้าเดียวกับ Trend จังหวะ Breakout @ATR ต่ำ มีโอกาสโดนหลอกต่ำ --> จังหวะที่ปลอดภัย ส่วนใหญ่วิธีนี้ Stop จะใกล้ ส่วนขึ้นมากน้อยแค่ไหน ให้ดูอื่นๆ ประกอบ
  • ATR สูง Breakout อย่าเล่น เพราะโอกาสโดน 2 อย่าง 1. SL สูง 2. หลอกสูง
  • เครื่องมือที่ไม่ใช่ Indicator จะเอาไว้ทำนายราคาในอนาคต เช่น Fibo
    • ถ้าราคาถึงระดับ Fibo & ATR เลี้ยงสูง --> ปิดสถานะได้เลย
    • ถ้าราคาถึงระดับ Fibo แต่ ATR เลี้ยงต่ำ --> รอดูเชิงก่อนอีกรอบ
    • ถึงระดับ Fibo ดูเชิงก่อน อย่าเพิ่งตกใจขายของ ดู ATR ประกอบ
  • สรุป
    • เทรดทำไม --> วัตถุประสงค์ของการเทรด
    • เทรดคืออะไร --> ว่าควรคาดหวังอย่างไรกับการเทรด (MM, Psychology)
    • เทรดอย่างไร --> วิธีการเทรดที่ตรงจริต (กลยุทธ์)
    • เชิงกลยุทธ์
      • เผื่อเงินให้พอ จับทางได้ กำไรเยอะเอง
      • เข้าใจพฤติกรรมของราคา i) Trend ราคาเหมือนกระแสน้ำไหล อย่าสวน เดี๋ยวไม่ถึงฝั่ง ii) น้ำนิ่ง และน้ำเชี่ยว พายเรือต่างกัน ศึกษาเรื่อง Volatility ให้ดี
      • Fibo/EW มีประโยชน์ รู้จริงช่วย รู้ไม่จริงซวย
      • จับผิดตัวเองผ่านการเขียน Trading Journal เป็นวิธีการพัฒนาฝีมือที่แท้จริง
  • การใช้ ATR เป็น SL คือ ให้เราดูค่า ATR ตรงจุดที่เราตัดสินใจเข้า ว่ามีค่าเท่าไร ให้ลบค่าที่เราเข้าไปด้วยค่า ATR ส่วนวิธีการ Exit อาจจะใช้เป็น 2ATR หรือ 4ATR ก็ได้ เพื่อให้ได้ RR > 2 
  • การตั้ง SL ให้ตั้งที่ Low ข้างเคียง -50 pips เพื่อหลบการแกว่ง
  • จิตวิทยาของคนกับความเสี่ยง เรื่อง กล่อง 2 ใบกับลูกบอล 4 ลูก 
    • คนเราเวลาได้ อยากได้อะไรที่แน่นอน แต่ไม่ยอมเสี่ยงเพื่อให้ได้มากกว่า
    • แต่เวลาเสีย กลับไม่ยอมเสียที่แน่นอน กลับยอมเสี่ยงที่จะเสียเพิ่มขึ้น เพื่อให้ได้กลับมาเท่าทุน
  • การเล่นตาม Trend Following ระยะยาว เราจะต้องถือทนไปให้ถึงตามกรอบใหญ่ให้ได้ ถ้าเราเข้าใจเรื่อง Ranking ของราคา เราอาจจะไม่ย้าย Trailing Stop ตาม New High/Low ก็ได้ หรือถ้าเลื่อนตามก็โอเค และค่อยมาหาจังหวะเข้าใหม่ ขึ้นอยู่กับแผนของเรา
  • Trading Journal ควรเขียนหลักคิด อารมณ์ ความรู้สึกของเราตอนนั้นเข้าไปด้วย ไม่ใช่แค่กลยุทธ์

วันเสาร์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

สิ่งที่ได้เรียนรู้วันนี้

Trader ก็คือ การทำธุรกิจ เราอาจจะไม่ได้เงินทุกวัน เหมือนงานประจำ แต่ข้อดีของหารทำธุรกิจคือ จังหวะได้ บางครั้งเราอาจจะได้เยอะกว่าที่คิด เป็นสิ่งที่มีเสน่ห์ และน่าลิ้มลองที่สุด

เสียหายครั้งร้ายแรงที่สุด

การเทรด EU ครั้งนี้เป็นความเสียหายครั้งร้ายแรงที่สุดของเราเลย

เพราะความมั่นใจใน TL ที่มากเกินไป
เพราะความมั่นใจใน TF ใหญ่อย่าง Week มากเกินไป
เพราะความโลภที่เข้ามาครอบงำ ทำให้เปิด order เพิ่มขึ้นไป
เพราะความอยากได้ทุนต่ำติด Low ให้มากที่สุด

เพราะสิ่งต่างๆ เหล่านี้บดบังความจริงที่เรียกว่า "ความเสี่ยง" ไปซะหมดเลย
ตลาดหุ้น ความแน่นอนคือ "ความไม่แน่นอน" เราเห็นได้จากไม้นี้ชัดเจนที่สุด
ดังนั้นสิ่งที่เราจะควบคุมได้ คือ "ความเสี่ยง"

ต่อไป ถ้าเล่นไม้รับที่ Low กับแนวรับแบบนี้ เราจะต้องระวังเป็นพิเศษ เป็นรูปแบบที่มีความเสี่ยงสูง เพราะเราไม่รู้เลยว่า Low จริงๆ อยู่ตรงไหน มันอาจจะมากิน SL เราแล้ววิ่งขึ้นไปก็ได้ เพื่อป้องกันการ Drawdown รุนแรงแบบนี้อีก การที่เราทุ่มไป 4% กับการเข้าแบบนี้แล้วโดน SL เหมือนเรา Overtrade เพราะสุดท้าย ไม้หลักๆ ที่เราเข้าก็คือ 0.5% อยู่ดี ถ้าทำอย่างนี้ต่อไป พอร์ตเราจะโตยากเพราะเวลาได้ได้เรื่อยๆ แต่เวลาเสีย คืนหมด หลังจากนี้เวลาเข้าเล่น ให้เข้าด้วยไม้เท่ากันคือ 0.5% ส่วนรูปแบบไหนที่เรามั่นใจมาก ก็ให้เพิ่มได้แค่อีก 1 ไม้เท่านั้น

เล่นมาทั้งสัปดาห์กำไรมา 6% จบสัปดาห์ด้วยการ -4% เหลือเพียง 2% เท่านั้น เสียดายก็จริง แต่เอาน่ะ เริ่มต้นใหม่ ถือว่า ยังไงเราก็มีกำไรสะสมเพิ่มขึ้นอยู่ดี


วันศุกร์ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

สิ่งที่ได้เรียนรู้วันนี้

Gold
1. เราควรให้ความสำคัญกับ "โอกาส" มากกว่า "การไม่ขาดทุน" ถ้าเราขาดทุนนิดหน่อย แต่มีโอกาสที่จะได้เยอะกว่ามาก เราไม่ควรขาย ต้องอดทนรอ ถ้าโดนก็ขาดทุนนิดหน่อย แต่ถ้าไม่โดน เราจะได้เยอะ
2. เราต้องทำตามระบบของเราทุกครั้ง ราคาลงมาเทส TL เราต้องวางแผนและให้ RR=2 เราก็ตัดสินใจเข้าเลย ไม่ต้องคิดมาก



UJ
1. เราต้องทำตามแผนของเราให้ได้ เราไปเปลี่ยนแผนตอนราคาทำ new high โดยไม่เลื่อน trailing stop ตามมา ทำให้ขาดทุน
2. ห้ามเล่นตามอารมณ์เด็ดขาด เพราะจะทำให้เสียมากกว่าได้ เราเล่นตามอารมณ์โดยไปเชื่อ poncer แท่งเดียว ทำแบบนี้ไม่รอเในระยะยาวแน่ๆ เลิกทำ โดนคือโดน จบคือจบ มาวางแผนใหม่
3. รูปแบบการเล่นอีกแบบหนึ่งของเราคือ ราคาเกิด OS ในขาลง + ทำ Pullback ใน TF ใหญ่กว่า

Follow Trend => แผนการเทรดใช้สำหรับลงทุนระยะยาว
Counter Trend => เล่นตามกรอบใช้สำหรับทำ Beta เก็บ CF ออกมา

วันพฤหัสบดีที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

วางแผนเทรด UCAD

วันพฤหัสบดีที่ 17 ก.ค. 57


วันพฤหัสบดีที่ 17 ก.ค. 57
Follow


วันจันทร์ที่ 21 ก.ค. 57


Week 31

28 July 14
Plan


29 July 14
Follow


วางแผนเทรด UCHF

วันพฤหัสบดีที่ 17 ก.ค. 57


วันพฤหัสบดีที่ 17 ก.ค. 57
Follow


วันจันทร์ที่ 21 ก.ค. 57


Skype Meeting

  • สัญญาณ sell เกิดขึ้นเมื่อ ราคาไม่มี high ใหม่ แต่เกิด low ใหม่
  • เราจะไม่เลื่อน SL จนกว่าจะเกิด "สัญญาณ Sell" อีกรอบ
  • ต่อให้ราคาวิ่งไปถูกทาง ถ้าเราไม่เลื่อน SL ทุนเราก็ติดลบตลอด ดังนั้นต้องเลื่อนมาให้ทุนเป็นศูนย์
  • การดู High Low ตาม Dow จะทำให้เราเห็น Ranking หรือกรอบการ Sideway 

วันอังคารที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

วางแผนเทรด UJ

วันจันทร์ที่ 14 ก.ค. 57


วันพุธที่ 16 ก.ค. 57


วันพุธที่ 16 ก.ค. 57


วันพฤหัสบดีที่ 17 ก.ค. 57


วันพฤหัสบดีที่ 17 ก.ค. 57
Result


วันจันทร์ที่ 21 ก.ค. 57


วันพฤหัสบดีที่ 24 ก.ค. 57
ของจาน


Week 31

28 July 14
Plan


30 July 14
Plan