วันอาทิตย์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2557

Monthly Report - August 14

เดือน สิงหาคม ที่ผ่านมา เราได้เรียนรู้อะไรหลายอย่างเลยทีเดียว ทั้งเรื่องวินัยการเทรด ระบบการเทรด ข้อดีข้อเสียของระบบเทรด การทำ Trading Journal และ Trading Plan ทุกคืน การอ่านหนังสือ การทำตามเป้าหมาย และอื่นๆ อีกมากมาย เรารู้สึกได้เลยว่าเราพัฒนาขึ้นมาจากเดือนก่อนหรือปีก่อน เยอะพอสมควร ทั้งๆ ที่ใช้เวลาแค่เดือนเดียว ถ้าเราพัฒนาต่อไปแบบนี้ พร้อมลดจุดอ่อนของเราลง เราน่าจะทำกำไรได้เพิ่มขึ้นแน่นอน

แต่มามองถึงผลลัพธ์จริงๆ ในเดือนสิงหาคมกันดีกว่า เป้าหมาย Monthly ของเรามีดังนี้
1. เทรดให้ได้กำไร 10% ต่อเดือน เหมือนกับการทำธุรกิจที่เราจะต้องมีกำไร
Result : ขาดทุน -5.92% เกือบ 6% เลยทีเดียว จากที่ควรกำไรกลายเป็นขาดทุนไปได้ Drawdown ต่อเนื่องถึงกับ 17.1% เลยทีเดียว อยากจะบ้าตาย แต่สิ่งที่เริ่มเห็นสัญญาณดีขึ้นคือ ช่วงท้ายเดือนเรามีกำไรเข้ามาบ้างแล้ว ทำให้กราฟ Port ของเราเริ่มเกิด Sideway ขึ้นมา แต่จะขึ้นหรือลงต่อ คงต้องรอดูผลเดือนกันยายนล่ะ 555+
2. อ่านหนังสือการเทรดให้จบ 3 เล่ม
Result : อ่านจบแล้ว 3 เล่ม คือ จิตวิทยาการลงทุน, หนังยางล้างใจ และสุดยอดนักเก็งกำไร เดือนหน้าเราก็จะอ่านให้จบ 3 เล่มเช่นกัน
3. Hit Rate = 70%
Result : Hit Rate เดือนนี้แค่ 38% ยังห่างไกลจากเป้ามาก เดือนหน้าต้องขยับมาให้ได้ 50-60% 
4. หารูปแบบการเทรดที่ชัดเจนและเหมาะสมกับเรา
Result : หลังจากทำ Trading Journal มาได้ 1 เดือน ระบบเทรดเราเริ่มชัดเจนขึ้น มีวินัยในการเทรดมากขึ้น ทนต่อภาวะตลาดและการแกว่งของราคาได้มากขึ้น อยู่ในแนวโน้มที่ดี เดือนกันยายน เราควรพัฒนา Closed System ของเราเองขึ้นมาให้ได้ โดยทดลองกับทองด้วยเงิน 1000$ ใน Port Cent





สิ่งที่เราได้เรียนรู้ในเดือนสิงหาคม
1. เราต้องเทรด "ตามเทรน หรือ Follow Trend" เท่านั้น
2. มีวินัยในการเทรด ทำตามระบบอย่างเคร่งครัด ทั้งการเข้าและออก
3. วิเคราะห์และวางแผนเทรดให้ได้ทุกวัน
4. การนับเวฟจะทำให้เราสับสนกับระบบมากขึ้น
5. เทรดตาม Trend ปัจจุบัน
6. เวลาที่ใช้ในการเฝ้ากราฟ เป็นเวลาที่เสียเปล่า เราควรนำมาศึกษากราฟย้อนหลัง วางแผนเทรด หรืออ่านหนังสือดีกว่า ดังนั้นเราควรดูกราฟแค่ 1-2 ครั้งต่อชม ก็มากพอแล้ว
7. การเร่งพอร์ต เราควร "Leverage on Profit Only" คือ นำกำไรมาเร่งพอร์ท ไม่ใช่ใช้ทุนมาอัด Lot เพิ่ม และควรอัดเพิ่มด้วยกฎ Kelly คือ 20-30% ขึ้นอยู่กับ %Win แต่ละจุดที่เข้า
8. Position Sizing ควรปรับตามขนาดทุนที่มีอยู่ เพื่อลดการขาดทุนและไม่ทำให้จิตวิทยาการลงทุนเสียหายหนัก
9. วิธีการหาเป้าราคาแต่ละรอบ
a) ถ้าราคาเพิ่งขึ้นจากต้น Trend --> เป้า TP = 261.8% Fibo
b) ถ้าราคาเบรครอบเล็กและขึ้นต่อใน Trend ปัจจุบัน --> เป้า TP = 161.8% Fibo
c) ถ้าราคาจบรอบเล็กและขึ้นอีกรอบโดยยังไม่หลุด Trend ปัจจุบัน --> เป้า TP = 161.8% Fibo
โดยพิจารณาตำแหน่งที่ราคามาชน Channel ด้วย ถ้าเป็น Correction ขึ้นมา มักไม่ผ่าน Channel แต่ถ้าเป็น Impulse W3 มีโอกาสทะลุ Channel
10. หา Price Pattern เป็นไม้ตายของเรา เช่น
a) ราคาเด้ง TL รับครั้งที่ 2 --> ราคามีการย่อตัวอย่างช้าๆ ใน TF เล็กลงมา Test TL ขาขึ้นของ TF ใหญ่กว่า ก็ให้เข้าที่จุดนี้
b) ราคาเป็นสามเหลี่ยม วัดเป้า 161.8% & 261.8%

เป้าหมายเดือนกันยายน 
เราจะต้องทำเป้าหมายในแต่ละข้อของ Monthly Achieve ให้ได้!!!
1. เทรดให้ได้กำไร 10% ต่อเดือน เหมือนกับการทำธุรกิจที่เราจะต้องมีกำไร --> เราต้องกำไร 10%
2. อ่านหนังสือการเทรดให้จบ 3 เล่ม --> เราต้องอ่านหนังสือให้จบ 3 เล่ม
3. Hit Rate = 70% --> เราจะต้องเทรดให้ได้ 70% Hit Rate
4. หารูปแบบการเทรดที่ชัดเจนและเหมาะสมกับเรา --> ระบบเทรดหลักคือ Channel Trading ต้องนิ่งและสร้างกำไรข้อ 1 ให้ได้ตามเป้า และพัฒนาระบบเทรด Closed System ขึ้นมา




Trade Setup - 30 Aug 14

ได้คุยกับเทรดเดอร์ที่เคารพ มีเรื่องน่าสนใจหลายเรื่อง
1. การสร้าง Closed System สามารถทำให้เรา Generate Cash Flow ออกมาได้อย่างต่อเนื่อง แม้ Equity จะติดลบก็ตาม แต่ Balance จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยเราจะต้องหาระบบที่เข้าออกและวางแผนแก้พอร์ตให้ได้ตลอดเวลา
2. การเบิ้ลพอร์ตหรือทำให้พอร์ตเติบโตเร็วกว่าปกติ เราจะต้องนำ "กำไรมาเป็นตัวเร่ง" หรือ "Leverage on Profit Only" หากว่าจุดที่เราเข้าเป็นระบบที่มี Win Rate สูง ก็ให้นำกำไรมาคำนวณสัดส่วนในการเข้าและตั้ง SL เพื่อที่ถ้ากำไร จะทำให้พอร์ตเราโตเร็วคืน แต่ถ้าเสีย เราก็แค่ขาดทุนกำไร โดยทุนยังเท่าเดิม
3. เราสามารถนำ KZM มาใช้กับ Forex ได้ แต่ต้องประยุกต์ เช่น การใช้แค่กอง A & C โดย A แบ่งตาม Zone เล่นเฉพาะ Buy แต่ C เล่นทั้ง 2 ด้าน คือ เมื่อตลาดลง กอง C จะทำหน้าที่ Hedge กอง A ไว้ แต่เมื่อตลาดกลับเป็นขาขึ้น กอง A & C จะเร่งกำไรให้พอร์ตทั้ง 2 ด้าน แต่หากราคาหลุดจาก Zone ที่เราวางไว้ เช่น วาง Zone 800-1700 ราคาหลุด 800 ลงมา เราก็ Hedge ทั้งหมด รอราคากลับเข้ามาใน Zone ค่อยเริ่มเล่นใหม่
4. KZM เป็นระบบที่ใช้เงินทุนสูงเพื่อวาง Zone ให้ครอบคลุม ดังนั้น เราจึงควรนำ Port Cent มาใช้สำหรับ KZM เป็นความคิดที่สุดยอดมากๆ
5. การ Hedge แต่ละครั้งของ KZM เราจะต้องมาคิดต่อยอด ว่าจะวางแผนอย่างไรในการเข้าแต่ละครั้งด้วย Lot Size เท่าไร ซึ่งเป็นวิธีที่เราใช้กับ Closed System ถือว่าใช้ประโยชน์ได้ทั้ง 2 Port
6. เราสามารถเทรดทั้ง 3 Port พร้อมกันได้ ทั้ง Channel Trading, Closed System และ KZM แต่เราจะต้องวางเงินให้พอในแต่ละพอร์ต
a) Channel Trading -> Trade ตาม Channel วัด RR=1.5-2 มี SL เป็นระบบเทรดหลัก ใช้เงินทุนเริ่มต้น 2500$
b) Closed System -> ใช้เทรดกับทองเป็นหลัก มองว่าทองไม่น่าลงไปต่ำกว่า 700$ ราคาปัจจุบันคือ 1300$ ดังนั้นเราสามารถทนการเหวี่ยงของทองได้ 600$ พอร์ตที่เราควรใช้คือ 1000$
c) KZM -> เราใช้ Port Cent เป็นหลักในการเทรด อันนี้เราจะเริ่มวางแผน เมื่อเราเทรดพอร์ตจริงคือ Channel Trading & Closed System แล้ว
7. ถ้าเรามีอู่ซ่อมรถ และเราสามารถแก้ไขปัญหารถได้ทุกอย่าง เราก็สามารถที่จะอยู่รอดในธุรกิจรถยนต์ได้ ดังนั้นเมื่อเราเทรดเป็นอาชีพ และเราสามารถแก้พอร์ตได้ เราก็สามารถที่อยู่รอดเป็นเทรดเดอร์ได้แน่นอน
8. หากเราเทรดเสีย เราต้องลด Position Size ลงตาม Balance ที่เหลืออยู่ ตามหลักของ Anti-Martingale เพื่อลดผลกระทบของพอร์ตและจิตวิทยาของเรา หากขาดทุน

วันเสาร์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2557

Weekly Report - WK35

สัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์แรกที่ได้กำไรสุทธิ 1.86% ถึงแม้จะไม่ถึงเป้า 3% ก็ตามถือว่าเราพัฒนาขึ้นเยอะมาก สุดยอด!! เราจะเก่งเพิ่มขึ้นไปอีก และทำให้ได้กำไรอย่างต่อเนื่อง จากนั้นก็ทำให้ถึงเป้า 3% ทุกสัปดาห์ให้ได้




ต่อไปเรามีตัววัดผล Weekly จาก myFXbook 3 ตัว
1. ได้กำไรสุทธิ 270$ ต่อสัปดาห์ --> ได้ 152.98$ ยังไม่ถึงเป้าแต่ถือว่าเกินครึ่ง ถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว เราต้องก้าวต่อไปจนถึง 270$ ให้ได้
2. กำไร 3% ต่อสัปดาห์ --> ได้ 1.86% เหมือนข้อ 1
3. Winning Rate = 70% ขึ้นไป --> สัปดาห์นี้ได้ 57% ถือว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจ จริงๆ ทั้งสัปดาห์จนถึงวันพฤหัสได้ Win Rate > 75% แต่มาเสียเอาวันศุกร์ที่โดน EU & UCHF ไปหลายไม้ ทำให้ Win Rate ลดลงมาเหลือ 57%

ส่วนห้วข้อที่เราต้องพัฒนาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ผลเป็นดังนี้
1. ขาดทุนน้อยลง ทั้งยังควบคุมการขาดทุนให้ขาดทุนไม่เกิน 20-30$ หรือ 0.2-0.3% ตามที่เราวางแผนไว้ --> ควบคุมขาดทุนได้ตามนี้แล้ว ทำได้ดีมาก ให้เรารักษาวินัยตรงนี้ไว้ให้ได้ตลอด Achieve!
2. มีกำไรและจำนวนไม้ที่ Win มากขึ้น --> มีกำไรและ Win Rate มากขึ้น WK34-Win Rate = 37% ขาดทุนสุทธิ 0.89% ส่วนสัปดาห์นี้ Win Rate = 57% กำไรสุทธิ 1.86% Achieve!
3. เริ่มทำตามแผนและวินัยได้ดีขึ้นเยอะ --> ทำตามแผนและมีวินัยได้ต่อเนื่อง มีพลาดไปบ้าง 1-2 ไม้ Achieve!
4. อดทนกับการแกว่งของราคา กำไร ขาดทุนได้ดีขึ้น --> อดทนได้ดีขึ้นเยอะ Achieve!
5. เรียนรู้จากการเทรดในแต่ละวันมากขึ้น --> เรียนรู้จากการเทรดทุกวัน Achieve!
6. อ่านหนังสือมากขึ้น --> อ่านหนังสือจบอีก 1 เล่ม Achieve!
7. การเข้าไม้เพิ่มเมื่อราคาย่อตัวลงมาและยังอยู่ใน Trend ขาขึ้นเช่น UCAD UCHF --> วิธีนี้เป็นวิธีที่เราใช้ได้ผลมากที่สุดจริงๆ ให้เรารักษาแผนการเทรดนี้ต่อ Achieve!

สิ่งที่ได้เรียนรู้สัปดาห์นี้
2. วันนี้ดีใจที่ตอนเช้าตื่นมา EU ถึง TP ที่เราวางไว้แล้ว แถมได้ราคาดีด้วย แสดงให้เห็นว่า "การทำตามแผนดีที่สุด" และการไม่ตัดสินใจปิดเองโดยที่ราคายังไม่ได้ใกล้เป้าหมายเพราะการแกว่งของราคา คือการตัดสินใจที่ถูกต้องแล้ว ถ้าราคาใกล้ถึงเป้ามากๆ และเป็นแนวต้านแนวรับพอดี แล้วเราจะปิดมือก็ได้
3. เรายึด Trend ปัจจุบันเป็นหลักถูกแล้ว เช่น ทอง ตอนนี้ Trend ปัจจุบันเป็นขาลงชัดเจน เห็นราคาเด้งมาอยู่แถวๆ TL ต้าน เราจึงตัดสินใจเปิด Sell ไปและตั้ง SL  ที่ HL ล่าสุด + ถ้าขึ้นมาโดน SL ก็จะเบรค TL ต้านนี้ด้วย เราก็ยอม

4. การเติม Position คือ การนำเอากำไรมา Leverage ดังเช่น Hedge Fund ที่ประสบความสำเร็จ ดังนั้น ถ้าโอกาสมา ระบบเรามาแล้ว เราต้องนำกำไรบางส่วนมาเปิด Position เพิ่มเติมเข้า แม้ว่าหากพลาด มันจะทำให้กำไรเราน้อยลงแต่เราก็ได้ทำตามระบบ เช่น UCAD ราคาลงมาที่ TL รับแล้วเด้งอีกรอบ เราก็ควรเปิด Buy เพิ่มอีกไม้ ทั้งๆ ที่เข้าระบบทุกอย่างแต่เราก็ไม่เปิด เพราะเห็นว่าเราเพิ่งเปิดไปก่อนหน้านี้ และหากพลาดเราจะกำไรแค่ 10$ ถ้าเอากำไรมาเปิดอีก 1 ไม้ กำไรก็จะน้อยกว่านี้อีก ซึ่งจริงๆ "เราควรยอมกำไรน้อยลง ดีกว่า ไม่ได้ทำตามระบบ"


1. "ถ้าเจอสามเหลี่ยม ให้ตัดสินใจเข้าทันที" แม้ราคาจะเบรคมาแล้วก็ตาม เพราะเราเห็นเป้าชัดเจน เหมือนเราเห็นจังหวะที่ยังไงก็ได้กำไร เทียบกับธุรกิจ ก็คือ อาหาร ขายของได้กำไรแน่นอน เราพลาดโอกาสไป 1 ครั้ง คือ UCAD เพราะเรามัวแต่ชะล่าใจ ดูอย่างอื่นก่อน ทั้งๆ ที่เห็นราคาเบรคมาแล้วแท้ๆ ต้องเขกกะโหลกตัวเองเลย ครั้งหน้าห้ามพลาดเด็ดขาด ถ้าราคาเบรคสามเหลี่ยมต้องมาดูและตัดสินใจเข้าทันที

3. วันนี้เราไม่ทำตามระบบอีกแล้ว เห็นทองเบรค TL ขึ้นมาก็ไม่เปิด Buy ทั้งๆ ที่วางแผนไว้ตั้งแต่เมื่อคืน มัวแต่คิดว่า "กลัวขาดทุน รอมันลงมาอีกหน่อยดีกว่า" ไม่ต้องลังเล เพราะเห็นมันเป็น Downtrend ใหญ่ สิ่งสำคัญที่สุดคือ ต้องทำตามแผนเท่านั้น

7. ไม่มีใครจนจากการได้กำไรเล็กน้อย
8. เราต้องดูความสัมพันธ์ของออเดอร์ใน portfolio เราด้วย เคสคือเรา Buy GU และ UCAD/UCHF มันไม่ควรไปทางเดียวกัน เพราะมี USD คนละฝั่ง ถ้าตลาด USD ขึ้น มันจะวิ่งกันคนละด้าน ดังนั้นถ้าเราเจอกรณีที่เราเปิดไปทางเดียวกัน แสดงว่า เราอาจมอง Trend ผิด หรือมันอาจจะเริ่มกลับตัวก็ได้

2. ถ้าราคาเบรค TL หรือ Pattern ขึ้นไปเป็น Trend แล้ว แต่ไหลกลับมาจนเข้ามาใน TL เดิม ให้ขายทิ้งได้เลย เพราะถือว่าแนวโน้มเสียแล้ว เพื่อจะได้รักษากำไรเอาไว้ให้ได้มากที่สุด


5. วิธีการหาเป้าราคาแต่ละรอบ
a) ถ้าราคาเพิ่งขึ้นจากต้น Trend --> เป้า TP = 261.8% Fibo
b) ถ้าราคาเบรครอบเล็กและขึ้นต่อใน Trend ปัจจุบัน --> เป้า TP = 161.8% Fibo
c) ถ้าราคาจบรอบเล็กและขึ้นอีกรอบโดยยังไม่หลุด Trend ปัจจุบัน --> เป้า TP = 161.8% Fibo
โดยพิจารณาตำแหน่งที่ราคามาชน Channel ด้วย ถ้าเป็น Correction ขึ้นมา มักไม่ผ่าน Channel แต่ถ้าเป็น Impulse W3 มีโอกาสทะลุ Channel

3. ไม้แรกที่เราตั้งรับมานั้น ด้วยเหตุผลการตั้ง Trend ดังนั้นเราไม่ควรขยับ SL ขึ้นมาตาม HL เด็ดขาดจนกระทั่ง Stoch ลงมา OS และราคาทำ HL และเบรค New High จึงจะย้าย SL ได้ เคสนี้เราเรียนรู้จาก EU รับของมา แต่ไปย้าย SL ในรอบเล็ก ทำให้ราคาลงมาโดน SL ทั้งที่ Stoch ยังไม่สุดรอบเลย ถ้าจะ take profit ต้องเทคตั้งแต่หลุด TL รอบเล็ก (สีฟ้า) ลงมาแล้ว

1. เราไม่ควรเปิด Sell เมื่อราคาหลุด Trend เล็กลงมา เพราะโอกาสลงมีน้อยกว่า ถ้าหลุด Trend ใหญ่เช่น H1 หรือ H4 จึงน่า Sell แต่ก็ต้องดู Trend ใหญ่ประกอบด้วย เราต้องเชื่อในแผนการเทรดของเรา ไม่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา ต่อให้ต้องขาดทุนก็ยอม ดีกว่าเสียโอกาส ไง เคยผิดพลาดมาแล้วไม่ใช่หรอ ไ่ม่ดีเลย ทำแบบนี้ เราไม่สามารถกินได้ทุกขาหรอก ให้เราเล่นด้านเดียวกับ Trend ก็พอแล้ว เพราะ "Trend is the BEST Friend"
7. เราไม่ควรเล่น "สวนเทรน" อุตสาห์ย้ำหนักย้ำหนากับตัวเองแล้วนะว่า ไม่เล่นสวนเทรน ไม่เล่นสวนเทรน ไม่เล่นสวนเทรน ก็ยังเล่นแบบนี้อีก เพราะเราไปคิดว่าเรารู้ว่าตลาดจะขึ้น เรารู้ได้ยังไง เราควรเล่นตามเทรนเท่านั้น

-------------------------------------------------------------------
หัวข้อที่ต้องพัฒนาต่อในสัปดาห์หน้า
1. ทำกำไรสุทธิให้ได้ต่อเนื่องและตามเป้า 270$
2. ทำกำไรให้ได้ 3% Port ต่อสัปดาห์
3. เทรดให้ได้ Winning Rate = 70% ขึ้นไป
4. เทรด "ตามเทรน" ใหญ่ เช่น H1 & H4 & Day เท่านั้น เราจะไม่เข้าเทรดด้วย M30 ลงไป
5. อ่านหนังสือให้จบ 1 เล่ม
6. ทำตามแผนเทรดและมีวินัย
7. ทำ Trading Plan & Review ทุกวัน

Weekly Target & Result
1. เทรดให้ได้กำไร 3% ต่อสัปดาห์ = เทรดกำไรแล้ว ได้ 1.86% สำเร็จตามเป้าหมาย เป้าหมายต่อไปคือ ทำกำไรให้ได้ 3% ต่อสัปดาห์
2. ทบทวนและพัฒนารูปแบบการเทรดในทุกวัน = ทบทวนได้ทุกวัน แต่ทำ Review & Win/Loss Orders เกือบทุกวันและ Weekly Report ทุกสัปดาห์ ทำให้เราเริ่มเห็นข้อผิดพลาดของตัวเองมากขึ้น
3. อ่านหนังสือให้จบ 1 เล่ม = อ่านจบเล่มที่ 3 คือ สุดยอดนักเก็งกำไร สำเร็จตามเป้าหมาย Month คืออ่านจบ 3 เล่มต่อเดือน 
4. วางแผนการเทรดในแต่ละวัน = ทำ Trading Plan ขาดไป 2 วัน ต้องทำให้ได้ทุกวัน เพื่อที่เราจะหาโอกาสในการเข้าทำกำไรได้มากขึ้น แม้จะเหนื่อยก็ต้องอดทน เราจะต้องสำเร็จเป็น Trader ที่มีกำไรเลี้ยงตัวเองให้ได้

เป้าหมายสัปดาห์นี้เราจะต้อง มีกำไรจากการเทรดสุทธิ 3% ต่อสัปดาห์ให้ได้ และอ่านหนังสือให้จบอีก 1 เล่ม

วันศุกร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2557

Loss Orders - 29 Aug 14

วันนี้ขาดทุน 2 ตัวเลย คือ EU & UCHF รวมกัน -86.25$ อุตสาห์กำไรมาทุกวัน ดันมาตายเอาวันสุดท้ายของสัปดาห์และของเดือนจนได้ -*- แต่เอาน่ะ ยังไงผลรวมทั้งสัปดาห์เราก็ยังกำไรอยู่


UCHF
ขาดทุนเพราะเราไปเล่น "สวนเทรน" และ "อัด Lot เข้าไปอีก" มั่นใจการนับเวฟของเราอีกแล้ว สุดท้ายเป็นไงล่ะ โดนเลย เจ็บหนักด้วย เซ็งเลย ครั้งหน้าไม่เอาแล้วนะ เราจะต้องเล่น "ตามเทรน" เท่านั้น ขา B ที่เด้งมันมี 3 ขา เราดันไปเข้า Sell ตอนที่เป็นขาแรก และไปมองนับเวฟ ABC จะต้องลงทำ New Low ปรากฎเจอดึงกลับแรงทำ New High เราโดน SL หมดเลย กลายเป็นขึ้นอีกขาทันที


เราไม่ควร Bias 
1. นับเวฟ
2. การเล่นสวนเทรน
3. การติดภาพตัวอื่นมา เช่น UCAD ลงแรง เราก็นึกว่า UCHF ต้องลงแรงด้วย มันไม่ได้เกี่ยวกันซะหน่อย

EU
ตัวนี้อาการเดียวกันเลย คือ เราเล่น "สวนเทรน" ถึงแม้เราจะใช้ Stoch มาช่วยดูการยก HL แต่ถ้าราคา "ยังไม่เบรค Trend หลัก" มันก็ยังคง "ลงต่อ" อยู่ดี ดังนั้น "ต้องยึดตาม Trend หลัก เล่นตาม Trend หลักเท่านั้น"


Review - 29 Aug 14

สิ่งที่ได้เรียนรู้วันนี้
1. เราไม่ควรเปิด Sell เมื่อราคาหลุด Trend เล็กลงมา เพราะโอกาสลงมีน้อยกว่า ถ้าหลุด Trend ใหญ่เช่น H1 หรือ H4 จึงน่า Sell แต่ก็ต้องดู Trend ใหญ่ประกอบด้วย เราต้องเชื่อในแผนการเทรดของเรา ไม่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา ต่อให้ต้องขาดทุนก็ยอม ดีกว่าเสียโอกาส ไง เคยผิดพลาดมาแล้วไม่ใช่หรอ ไ่ม่ดีเลย ทำแบบนี้ เราไม่สามารถกินได้ทุกขาหรอก ให้เราเล่นด้านเดียวกับ Trend ก็พอแล้ว เพราะ "Trend is the BEST Friend"

2. เราลองระบบใหม่คือเล่น Break High เป้าสั้น ตามรูปแบบ ZZ มองว่าเมื่อเบรค High โอกาสวิ่งขึ้นจะสูงมาก แต่เราหวังเป้าสั้น เพื่อให้โอกาสที่ราคาจะวิ่งไปถึงมีมากขึ้น สิ่งที่เราต้องเสี่ยงคือการอัด Lot เพิ่มจากปกติไป เพื่อทำให้เราเห็นกำไร เริ่มต้นใช้ 0.1 Lot และ RR=1 เพื่อจำกัดความเสี่ยงไว้ กำลังทดสอบกับ GU & UCHF


3. เมื่อเราตั้งรับจุดเด้งครั้งที่สอง เช่น GJ เรารับ 1 ไม้ หลังจากเกิด OS และราคาเด้งกลับเข้ามาใน CH ลงเดิม รอราคาเบรค Trend ย่อย จึงเข้าไม้ที่ 2 และไม้ที่ 3 ตอนเบรค CH ต้าน คือจบชุดขาลง ส่วนไม้ 4 เข้าตอนราคา Throw back CH ต้าน

4. หลังจากที่ Stoch ลงไป OS จบรอบพร้อมราคายก HL นั้น ให้เรารอซื้อไม้ 2 ตอนที่ Stoch ขึ้นมา 50 และราคาทิ้งอีกรอบ เช่น EU จะได้ราคาที่ดีและความเสี่ยงต่ำลงจากที่เราเปิดตรง Stoch OS

5. Pincer ที่ไม่ได้อยู่ตรงแนวรับและ Stoch OS ไม่มีความสำคัญเท่าไร เช่น UCHF

6. เราต้องเล่นให้ได้ทั้งสั้นและยาว ตอนนี้ระบบเทรดของเราคือ ระบบยาวแบบ Trend Following เราต้องคิดระบบที่เล่น Swing Trade ขึ้นมาสำหรับเล่นสั้นด้วย อาจจะใช้ การรับที่ราคาต่ำหรือเบรค High และออกด้วยเป้า Fibo 161.8% & 261.8% โดยไม่คิดมากว่าขายหมู เน้นกำไรทุกไม้
7. เราไม่ควรเล่น "สวนเทรน" อุตสาห์ย้ำหนักย้ำหนากับตัวเองแล้วนะว่า ไม่เล่นสวนเทรน ไม่เล่นสวนเทรน ไม่เล่นสวนเทรน ก็ยังเล่นแบบนี้อีก เพราะเราไปคิดว่าเรารู้ว่าตลาดจะขึ้น เรารู้ได้ยังไง เราควรเล่นตามเทรนเท่านั้น
EU & GU & AU => Trend หลักคือ ขาลง



UCHF & UCAD & UJ => Trend หลักคือ ขาขึ้น



สรุปผล
วันสุดท้ายของสัปดาห์เราขาดทุนจนได้ แถมขาดทุนเยอะด้วย -86.25$ เนื่องจากเราไปอัด Lot UCHF ใน TF เล็ก ก็เลยโดนหนัก แถม EU ก็โดนด้วย เลยไปไกลเลย แต่เอาน่ะ สรุปสัปดาห์ก็ได้กำไรเป็นสัปดาห์แรกล่ะ อย่างน้อยเราก็ดีกว่าสัปดาห์ก่อนๆ ที่ขาดทุนตลอดว่ะ สู้ต่อไป ทาเคชิ!!

Win Orders - 28 Aug 14

วันนี้เราชนะด้วยไม้ทองที่ตั้งเอาไว้ ราคาวิ่งไปกิน TP จริงๆ ส่วนไม้อื่นเราปิดหนีขาดทุน

XAU
มีทั้ง Win & Loss Orders ในเวลาใกล้เคียงกันเลย แต่เราถือว่า Win เพราะกำไร cover ขาดทุนอยู่ โดยไม้ที่ได้เราตั้ง TP ตรง TL H1 ซึ่งเป้าตอนแรกคือ RR=1 & TP=1295 แต่เราเน้นชัวร์ ทำให้เราได้ถึงเป้าเร็ว ซึ่งรู้สึกดีมากๆ สิ่งที่ได้ทำและตอกย้ำหลักการเทรดที่ถูกต้องของเราคือ
1. เทรดตามเทรนปัจจุบัน
2. ยึด SL เอาไว้ที่ HL ทำให้เรารอดตอนแกว่งมาได้
3. มองเป้าที่เป็นไปได้มากที่สุด ตอนแรกเป้ามาจาก RR=1 แต่เราเห็นว่ามันทะลุ TL ไป เราก็ปรับลดลงมา เพราะเราต้องมองทีละขั้น ราคาจะหลุดจาก TL หนึ่งวิ่งไปยังอีก TL หนึ่งเสมอ

AU 
เราได้เพราะปิดมือเอง เมื่อราคาหลุด TL ลงมา แต่จริงๆ เราไม่ควรทำเช่นนี้ เพราะราคาหลุดแค่ TL เล็กลงมาเท่านั้น มันอาจ Sideway แล้วขึ้นต่อก็ได้ ซึ่งราคาก็ดีดขึ้นไปก่อนจริงๆ แล้วค่อยหลุดลงมา สิ่งที่เราต้องทำคือ "ทำตามแผนที่วางไว้เท่านั้น แม้มันจะขาดทุนก็ตาม" ไม่งั้นเราก็จะใช้อารมณ์ตัดสินใจไม่ดีแบบนี้อีก

UCHF
เรา Sell หลังจากเบรค TL แต่ราคาไม่ลงไปลึก และเด้งกลับมา เราย้าย TS มาเพื่อปกป้องทุนเอาไว้ จึงได้กำไรมา 1$

วันพฤหัสบดีที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2557

Loss Orders - 28 Aug 14

วันนี้เราขาดทุนจาก EU -6.09$

EU
เราขาดทุน เพราะเราไปย้าย SL ทั้งๆ ที่มันเป็นไม้ตั้งรับไม้แรก ไม้ตั้งรับนี้ต้องตั้ง SL ที่ New Low เสมอ ต้องทนแกว่งจนกระทั่งราคาเบรค New High จึงจะขยับ SL ได้ แต่เราดันไปขยับ SL ใน Trend เล็ก และก็เปลี่ยน SL ไปมา เหมือนไม่มีแผนที่แน่นอน นั่นคือ ใช้อารมณ์มาเกี่ยวกับการเทรด แล้ว เป็นสิ่งที่ไม่ดีมากๆ ต้องไม่ทำแบบนี้อีก

Review - 28 Aug 14

สิ่งที่ได้เรียนรู้วันนี้
1. กำไรเล็กน้อยไม่ทำให้เราจน ดังนั้น เราจะยึดการตั้ง SL ตาม HL/LH ล่าสุด แต่เมื่อราคาขยับมาใกล้ถึงต้นทุนแล้ว เราจะตั้ง SL ที่มากกว่าทุน 1-2 pips เพื่อป้องกันทุนไว้ก่อน ถึงแม้เราโดน SL เราก็ยังไม่ขาดทุน และค่อยไปหาจังหวะเข้าใหม่อีกครั้ง
2. นักเก็งกำไรที่ประสบความสำเร็จ ต้องปกป้องทุนของตัวเองเอาไว้ให้ดีที่สุดก่อน และนำกำไรมา Leverage อีกที เหมือน Successful Hedge Fund ที่ Mudley บอกไว้
3. ไม้แรกที่เราตั้งรับมานั้น ด้วยเหตุผลการตั้ง Trend ดังนั้นเราไม่ควรขยับ SL ขึ้นมาตาม HL เด็ดขาดจนกระทั่ง Stoch ลงมา OS และราคาทำ HL และเบรค New High จึงจะย้าย SL ได้ เคสนี้เราเรียนรู้จาก EU รับของมา แต่ไปย้าย SL ในรอบเล็ก ทำให้ราคาลงมาโดน SL ทั้งที่ Stoch ยังไม่สุดรอบเลย ถ้าจะ take profit ต้องเทคตั้งแต่หลุด TL รอบเล็ก (สีฟ้า) ลงมาแล้ว

4. เราไปยึดติดตัวเลขกำไรมากเกินไป ทำให้เราตัดสินใจเลื่อน SL มาในจุดที่ไม่ควรตั้ง เราใข้อารมณ์อีกแลัว โลภ อยากได้กำไร เราต้องยึดตามแผนและมีวินัยมากกว่านี้ 
5. โอกาสในตลาดมีอยู่ทุกวัน อยู่ที่ว่าเราจะมองหามันหรือเปล่า
6. การย่อแบบ overlap ไม่ดี โดยปกติถ้าเป็น Trend ขึ้นที่แข็งแรง เมื่อราคาเบรค New High แล้วจะลงมา Test หรือยืนแนวต้านเดิม และดีดขึ้นไปต่อ แต่กรณีของทองนี้ ราคาหลุดแนวต้านนั้นลงมาและดีดกลับ เป็นจุดสังเกตุว่า Trend ขึ้นไม่น่าจะแข็งแรง

สรุปผล
วันนี้เราได้กำไรสุทธิอีกวัน คือ 9.61$ แม้จะน้อยก็กำไรดีกว่าขาดทุนนะ

ส่วนพอร์ตรวมวันนี้เป็นสีแดงเบย -1.51$ ไม่เท่าไรๆ ต้องแก้กลับคืนมาใหม่





สุดยอดนักเก็งกำไร

หนังสือที่ไปสัมภาษณ์นักเก็งกำไรชั้นนำใน Wall Street มาให้พวกเราเห็นประวัติของพวกเขาจากเริ่มต้นล้มเหลว ขาดทุนหนัก จนกระทั่งกลับมาเป็นนักเก็งกำไรที่ประสบความสำเร็จได้ สิ่งที่เราได้เรียนรู้จากหนังสือเล่มนี้คือ
1. Technical เป็นตัวช่วยเราในการหาจังหวะเข้าไปในตลาด แต่วินัยเป็นตัวช่วยให้เราออกจากตลาด
2. ทุกคนจะย้ำสิ่งเดียวกันเสมอคือ "มีวินัย" และ "ไม่ปล่อยให้กำไรกลายเป็นขาดทุน"
3. หลายคนจะพูดเหมือนกันว่า "กำไรแม้เพียงเล็กน้อยไม่ทำให้เราจน"
4. "คุณต้องมีความสามารถควบคุมการขาดทุนและรู้จักปล่อยกำไรให้วิ่งไป ผมจำกัดขาดทุนที่ 5% ผมเข้าซื้อหุ้น 10 ครั้ง ขาดทุนถึง 7 ครั้งและกำไรเพียง 3 ครั้ง แต่พอร์ตผมเป็นบวกทุกเดือนๆ ละไม่ต่ำกว่า 10%" - Randy Guttenberg 
5. "อย่าขาดทุนให้มาก แล้วคุณจะกลายเป็นผู้ชนะ เกาะไปกับแนวโน้ม เพราะแนวโน้มคือเพื่อนของคุณ จำกัดการขาดทุนและปล่อยให้กำไรวิ่งต่อไป" - Serge Milman
6. "คว้ากำไรไว้ก่อน คุณต้องคิดว่ามันเป็นธุรกิจ" - Marc Spelling
7. "ผมตระหนักอยู่เสมอว่า ผมไม่ควรเทรดจนกว่าจะรู้ว่าราคาวิ่งมาจากระดับไหน" - Eric Fromen
8. "ควบคุมอารมณ์ให้ดี" - Marc McCord
9. "จงมีวินัย" - Steve Girden
10. Controlling Losses
กฎข้อที่ 1 : จำกัดความเสี่ยงในการเทรดทุกครั้ง
กฎข้อที่ 2 : ต้องรู้ว่าเมื่อไรถึงจะเทรดให้น้อยลง
ถ้าการเทรดของคุณไม่ค่อยดีนัก จงเล่นให้น้อยลง (น่าจะเป็นการใช้หลัก Anti-Martingale ถ้าเราขาดทุน Lot Size ในการเทรดต้องลดลงตามสัดส่วนของเงินทุนที่เหลืออยู่)
กฎข้อที่ 3 : เข้าเร็ว ออกเร็ว
กฎข้อที่ 4 : อย่าเพิ่มพอร์ตในขณะที่ขาดทุน
กฎข้อที่ 5 : อย่าถือหุ้นที่ขาดทุนข้ามคืน
11. การควบคุมกำไร
ตั้งเป้าหมายว่าในแต่ละวันหรือสัปดาห์จะต้องได้กำไรเท่าไร
เอากำไรเท่าที่คุณทำได้


Trading Plan - 28 Aug 14

เมื่อคืนไม่ได้วางแผนเลย คืนนี้เราต้องจัดการให้เสร็จก่อนไปนอนล่ะ ต้องออกไปหาลูกค้าใหม่ด้วย ไม่ใช่อยู่แต่ลูกค้าเดิมๆ ลูกค้าเก่ารักษาไว้ ลูกค้าใหม่ต้องหาเพื่อขยายตลาดเราออกไปอีก

Orders On Hand
ตอนนี้เราปรับพอร์ตล่ะ จากกำไร 100$ เหลืออยู่แค่ 9$ มี AU, EU, GU, UCHF, XAU โดยมองฝั่ง USD อ่อนค่า ทำให้ตัวที่มี U อยู่ด้านหลังเล่น Buy ส่วนมี U อยู่ด้านหน้าเล่น Sell

Trading Plan

AU
Week เป็น Downtrend ส่วน Day เพิ่งเบรค TL ขึ้นมาเป็นขาขึ้น สรุปได้ว่า ภาพระยะยาวจะเป็น Sideway Up คือขึ้นแต่จะมีการย่อลงแรงระหว่างทาง ถ้ายังไม่หลุด Uptrend ก็ขึ้นไปเรื่อยๆ Bias Buy
ใน D1 เราจะเห็นว่า Channel H4 เป็น Sideway Up ยก HL ขึ้นตลอดทาง และเกิด EMA Golden Cross มาสักพัก ดังนั้นเราจะตัดสินใจเข้า 1 ไม้เป็น EMA ใน Day ตั้ง SL ด้วย H4


ProductTypeLotPriceSLTPRRLoss%LossComment
AUDUSDBuy0.030.9340.92650.9846.67-22.50-0.24%AU-0.03-B3-D1-RR6-EMA

H4 เราจะเห็น Downtrend ของ H1 เกิดขึ้นอยู่ ตอนนี้เป็น Sideway Up แต่ดีกว่าระยะยาวหน่อยตรงที่ H4 เป็นขาขึ้น ส่วน H1 เป็นขาลงแทน โอกาสขึ้นก็มี แต่จะโดนพวกเก็งกำไรระยะสั้นตบลงมาได้ ตอนนี้เบรค TL กลาง CH และทำ Throwback มีโอกาสวิ่งขึ้น โดยวัดเป้า Fibo 261.8% = 0.938 ส่วนเป้าไม้แรกคือ CH บนของ H1


ตอนนี้รอเปิดอีก 1 ไม้ เพื่อให้มี 3 ไม้ แต่ราคาไม่ยอมลงมาถึง Buy Limit ที่ตั้งไว้

ProductTypeLotPriceSLTPRRLoss%LossComment
AUDUSDBuy0.050.93330.92950.9381.24-19.00-0.21%AU-0.05-B2-M30-RR1
EU
เราเข้าไม้แรกในการตั้งรับไปตั้งแต่วันจันทร์แล้ว ตอนนี้รอเข้าไม้ 2 คือ
1. ราคายังไม่เบรค TL ขาลง แต่ยก HL พร้อม Stoch OS
2. ราคาเบรค TL จึงเข้า
ตอนนี้ H4 เกิด RSI Divergence ชัดเจน ราคาแกว่งตัวออกข้างขยับเข้ามาใกล้ TL ต้าน H1 แล้ว ดังนั้น สิ่งที่ทำได้คือ รออย่างเดียว รอให้ราคาเบรค TL หรือไม่ก็ยก HL ก่อนจึงจะตัดสินใจเข้าไม้ 2 ได้



GU
ระหว่างวันมันทำ Double Bottom และเบรคแนว Neckline แต่ตอนนี้ราคาย่อหลุด Neckline ลงมาแล้ว เหมือนทำ Throwback ใน H1 ส่วน H4 ก็เกิด RSI Divergence ชัดเจน มีโอกาสดีดตัวขึ้น เราได้ทำการเข้า order ไปทั้ง 4 ไม้แล้ว วัดเป้าออกได้ 4 เป้า
1. Double Bottom = 100% = 1.665
2. Fibo 261.8% = 1.668
3. ยอด LH ล่าสุด H4 = 1.672
4. Retrace 50% ชุดที่ลงมา = 1.686



UCHF
เราเพิ่งโดน TS ของขา Buy และได้ไม้ Sell ไม้แรกมา เพราะราคาเบรค TL แต่ราคายังไม่ไหลไปแบบ UCAD คาดว่าน่าจะเด้งก่อน โดยถ้าราคาไม่สามารถกลับเข้าไปใน TL รับ H1 ได้ ก็ถือเป็นขาลง 
แผน คือ รอเปิด Sell เพิ่มไม้สอง ถ้าราคาทำ Pullback เป้าลงคือ กลางและปลาย Trend H4 เราออกเป้าไม้แรกที่ Fibo 161.8% = 0.9109 ส่วนเป้าไกล Fibo 261.8% = 0.9063 เป็น CH รับ H4 พอดี



XAU
Week เป็น Downtrend นับเวฟเป็น W4 ด้วย ส่วน Day เป็นสามเหลี่ยมทำ Sideway อาการตอนทิ้งจึงค่อนข้างแรง ส่วน Trend ปัจจุบันคือ H4 เป็น Downtrend มีแนวรับ Day รับไว้ก่อน ถ้าหลุดลงมาก็ไหลยาว แต่ถ้าเด้งขึ้นก็เจอ TL H4 ต้านอยู่

เข้ามาดู H4 จะเห็นว่าขาลง H4 เป็น ABC โดย B เด้ง 61.8%,A ดังนั้นเป็นรูปแบบ Flat เป้า C= 61.8% or 100%,A ปัจจุบันถึงเป้าแรก 61.8% ไปแล้ว ส่วนเป้าสอง 100% จะไปถึงได้ไหม
1. ราคาต้องเบรค TL ขาขึ้น (เด้ง) ใน H1 ก่อน
2. เมื่อเบรค TL ขาขึ้นแล้ว ต้องเบรค TL Day ลงมาด้วย 

ตอนนี้เรามีทั้ง 2 ด้าน เพราะเราเล่นไม้ Sell สั้น ส่วนไม้ Buy เราเล่นเด้ง Pullback ไปที่ H4 และตั้ง Sell Limit ไว้ 1 ไม้ด้วย
ProductTypeLotPriceSLTPRRLoss%LossComment
XAUUSDSell0.011297131712601.85-20.00-0.22%XAU-0.01-S1-H4-RR2
มองเจาะใน H1 เห็น Sideway Up ใน M30 โอกาสออกได้ทั้ง 2 ทางพอๆ กัน รอ Buy ที่ TL รับด้วยมือ เพราะมีโอกาสที่จะหลุดสูง แต่เราตั้ง Sell Stop เอาไว้แล้ว 1 ไม้