วันพฤหัสบดีที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2557

Diary : 20 Mar 14

"การไม่ Cut Loss แต่เน้นไปที่การเก็บ Cash Flow ระหว่างทาง" ทดสอบมาได้ 3 อาทิตย์รู้สึกพอใจเป็นอย่างมาก เทรดแล้วไม่เครียดแบบแต่ก่อน มีอึดอัดบ้างช่วงที่เราโดนลากไปไกลโดยเฉพาะทอง โดนลากจนติดลบ 136USD แค่ไม่ถึง 1 อาทิตย์ ทำเอาเครียดไปพอสมควรเลย T-T

แต่หลังจากนั้นเพียงแค่ 1 อาทิตย์ กลายเป็นว่าทองลงมาจนกระสุนหลุดออกมาได้ 1 นัด แถม USDCHF ที่ถือมาพร้อมๆ กับทอง ก็ดีดขึ้นแรงจนโดน TP ไป 1 นัด กระสุนที่เหลือ เราก็พอจะ Control ได้แล้ว จากที่สัปดาห์ก่อนวันที่ 14 มี.ค. พอร์ต -136USD กลายเป็นวันนี้ 20 มี.ค. พอร์ต +1USD แถมยังเก็บ CF จากทองที่หลุดและ USDCHF ที่ถึงเป้าได้อีกด้วย สุดยอดไปเลย

 


สิ่งที่เราต้องพัฒนาต่อ คือ จังหวะที่เราโดนลากยาวๆ อย่างทอง เราจะต้องหาระบบที่ใช้เทรดตาม Trend มารองรับและตัดสินใจเข้าด้วย เพื่อเก็บ CF จังหวะที่โดนลากไป ไม่อย่างนั้น เราไม่สามารถเก็บได้เลย

และอีกสิ่งหนึ่งคือ ให้เราเชื่อในระบบของเรา หากเราเข้าไปพลาดแล้ว 1 ครั้งก็ไม่เป็นไร ให้เข้าไปใหม่หากสัญญาณมา ถ้าพลาดอีกครั้งก็นัดที่ 2 และถ้ามาอีกครั้งที่ 3 เราก็ต้องเข้า เพราะมันเป็น Probability อาจมีพลาดได้ แต่สัญญาณมาก็ต้องลงมือ สิ่งที่เราเอามาช่วยผ่อนหนักเป็นเบาคือ MM (Money Management) เราจะไม่ตัดสินใจเข้ากระสุนนัดที่ 2-3 หากราคายังแกว่งตัวอยู่ใน Zone ของกระสุนนัดแรก เพื่อไม่ให้ Over Trade ใน Zone นั้นๆ มากเกินไป

ถ้าจบเดือนนี้แล้วเราสามารถเก็บ CF ได้ต่อเนื่องแบบนี้ เราจะเริ่มเทรดพอร์ตจริงเดือนหน้าล่ะ สู้โว้ย เราต้องทำได้ เราต้องเป็นเทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จคนหนึ่งให้ได้!!!

การเล่น Poker เมื่อคืน ทำให้เราเข้าใจความสำคัญของการบริหาร "ความน่าจะเป็น" & "Money Management" ถ้าไพ่เราไม่ดี เราก็ไม่ต้องเสี่ยง แค่หมอบไป รอจนกระทั่งมีโอกาส ไพ่เราดี จึงค่อยตัดสินใจ Bet เพิ่มขึ้น ตานั้นถึงจะมีโอกาสทำให้เราชนะและได้ Return กลับมา เปรียบเทียบกับการเทรด เราก็ต้องบริหาร "ความน่าจะเป็น" ด้วย Technical และระบบเทรดของเรา มันมีโอกาสที่จะผิดพลาดอยู่แล้ว ก็ปล่อยมันไป ถ้าไปถูกทางก็ดี แต่ถ้าไม่ถูกทางก็แก้ปัญหาด้วย "Money Management" คือ เราเล่น Lot ที่เล็กที่สุด และเตรียมกระสุนไว้ให้ 5 นัดต่อ 1 Product ในการเทรด ยิงนัดแรกพลาด ก็ยังมีนัดที่ 2-3 ให้แก้ตัวหากสัญญาณ Technical มาอีกครั้ง ดังนั้น มันจะไม่ทำให้จิตใจเราแกว่งมาก ทำให้เรามีเวลาคิดและแก้ปัญหาพอร์ตที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ได้ด้วยสติ ไม่ใช่อารมณ์

วันอาทิตย์ที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2557

Diary : 16 Mar 14

วันนี้ทำให้เราคิดได้ว่า การเทรดก็เหมือนกับ "การทำอาหาร" หากเราทำอาหารอร่อย และมีลูกค้าติดแล้ว มันสามารถทำเงินได้ทุกวัน เราก็ไม่ควรไปเปลี่ยนสูตรของอาหารที่เราทำ เพราะถ้าเปลี่ยน ลูกค้าอาจไม่ชอบก็ได้ ร้านอาหารดังๆ ที่อยู่มานานนับ 50-60 ปี ก็ยังใช้สูตรเดิม เพราะมันทำเงินได้ตลอดมา ทำไมต้องไปเปลี่ยนสูตรด้วย?

สูตรการทำอาหารไม่เปลี่ยนฉันใด วิธีการเทรด หรือระบบเทรดก็ไม่ควรเปลี่ยนฉันนั้น ดังนั้น หากเราค้นพบ ระบบเทรด (คือ สูตรอาหาร) ของเราว่ามันสามารถทำเงินได้ตลอด อาจจะมีผิดทางไปบ้าง (ลูกค้าบางคนไม่ชอบสูตรเรา) ก็ปล่อยไป ถือว่าถูกทางมากกว่าและทำเงินได้ต่อเนื่องพอ (คนส่วนใหญ่ชอบอาหารเรา)

หากเราต้องการพัฒนาสูตรอาหารนั้น ให้เราไปทำสูตรอาหารใหม่ดีกว่า เช่น เราขายบะหมี่ดีอยู่แล้ว ก็ให้เราไปทำเมนูข้าวแทน ให้บะหมี่มันสร้าง CF ให้กับเรา โดยเพิ่มรายได้จากเมนูอื่นไปด้วย หากเราสามารถคิดสูตรขึ้นมาได้

ไม่ว่าเราทำอะไรก็ตาม ไม่มีทางที่มันจะชัวร์ 100% อยู่แล้ว ดังนั้น เราควรให้ความสำคัญกับ Probability หนังสือความน่าจะเป็นกล่าวไว้ว่า หากเราต้องการเป็นนักพนันที่ประสบความสำเร็จต้องมีคุณสมบัติ 3 อย่าง
1. เข้าใจ Probability
2. บริหารหน้าตัก (Money Management)
3. รู้จักตัวเอง

การเน้นหนักสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ไม่มีทางทำให้เราประสบความสำเร็จได้ ทุกอย่างต้องกลมกลืนไปด้วยกัน เหมือนกับการปรุงอาหาร หากขาดเครื่องปรุงอย่างใดอย่างหนึ่งไป รสชาติก็ไม่มีทางอร่อยเหมือนเดิม ทุกส่วนผสมสำคัญเท่ากันหมด

ขอบคุณร้านบะหมี่หมูแดงแสนอร่อยที่ทำให้เราได้เข้าใจบทเรียนสำคัญนี้ ^_____^

วันศุกร์ที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2557

Diary : 14 Mar 14

ตอนนี้ระบบ KZM ที่ใช้กับ TDEX ถือว่าอยู่ในระดับที่พอใจมาก ด้วยเหตุผลดังนี้
1. วางแผนแค่ตอนกลางคืน
2. ไม่ต้องเฝ้าตลาด
3. ดูตลาดแค่ครั้งเดียวคือตอนก่อนปิดตลาด 5 นาที
4. สามารถ generate CF ได้เรื่อยๆ
5. ไม่เครียด ทำตามระบบไปเรื่อยๆ ก็มีเงินงอกขึ้นมาตลอด มีที่ไหน ไม่ต้องทำงานก็มีเงินเพิ่ม

ตอนนี้รอพิสูจน์ KZM ในช่วงตลาดขาลงว่าจะสามารถสร้าง CF ได้อย่างที่ทำได้ตอนขาขึ้นหรือไม่

มันแสดงให้เราเห็นแล้วว่าการมี "ระบบเทรด" เป็นสิ่งสำคัญมาก หากเราทำตามระบบได้ตลอด โดยตัดเรื่องอารมณ์ทิ้งออกไป เราก็สามารถทำตามแผนที่เราวางไว้ได้ โดยไม่หวั่นไหวไปกับการแกว่งตัวของราคา ดังนั้น หากเราต้องการเทรด Forex ให้ประสบความสำเร็จและไม่เครียด เราก็ต้องหาระบบที่เหมาะกับเราให้ได้

จากคำแนะนำของคุณบาส เราควรจะต้องมี 2 ระบบ ระบบหนึ่งไว้เล่นตาม Trend ส่วนอีกระบบไว้เล่นสวน Trend และทำตามระบบเมื่อมันมา

ดังนั้น เราจะต้องหาระบบของเราให้ได้ภายในเดือนนี้!!


วันศุกร์ที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2557

Diary : 7 Mar 14

หลังจากเทสระบบขา Long มาได้ 3-4 คู่ คือ
EURUSD
AUDUSD
AUDJPY
CADCHF

ถือว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจเลย อาจจะเพราะ TF H4 TStoch ลงมา OS และ MACD ตัด Signal ขึ้นหมดพร้อมกันพอดี จึงทำให้เราสามารถเข้าและได้กำไรทุกไม้เลย กำไรมากน้อยแค่ไหน ขึ้นอยู่กับเราจะตั้ง TP ตรงไหน ตอนนี้ตั้ง FIBO 161.8 & 261.8 ก็ถือว่าโอเคเลย ไม้ดียวที่รู้สึกเสียดายคือ AUDJPY ไปตั้ง TP ที่กรอบ Channel ขาลง เพราะเราเข้าก่อนเบรค และไปคิดเองว่าอาจจะไม่เบรค หรือถ้าเบรคก็ไปไม่ไกล ทำใฟ้เราได้เรียนรู้ว่า อะไรก็ไม่แน่ไม่นอน "everything is possible" เราไปบังคับตลาดไม่ได้ สิ่งที่เราทำได้คือ ทำใจให้ว่าง ปล่อยวางและเล่นตามตลาดไปเท่านั้น ซึ่งเราก็ทำได้โอเคระดับนึงล่ะ

อีกเรื่องที่ถือว่าทำได้ดีคือ EURUSD เข้าไม้แรกเป็น SELL แต่ผิดทาง รอมา 1 วัน ปรากฎราคาเริ่มไม่ลง แถมเกิด Bull Diver ใน H1 และชน Channel รับในขาขึ้นของ H4 จึงตัดสินใจ bet L 0.02 lot และตั้ง SL ของไม้ S เอาไว้ที่ High ล่าสุด ปรากฎราคาขึ้นมาจริงๆ ทำให้เราขาดทุนไม้ S แต่ได้กำไรจากไม้ L มาชดเชยทำให้ภาพรวมของ EU ได้กำไร

สิ่งที่เราพลาดคือ เราไม่เปิด L ของ Gold ทั้งๆ ที่เราเห็น Bull Diver ใน H1 อาการเดียวกับ EU แท้ แต่เราดันไม่กล้า ครั้งหลังใช้วิธีนี้แก้พอร์ตไม้ที่เทรดผิดทางได้ดีทีเดียว

กลับมาอาทิตย์หน้าเทรดวิธีนี้ต่อเพื่อเพิ่มความมั่นใจในระบบนี้ให้มากขึ้นและหาระบบเทรดสำหรับขา Sell ให้ได้

สู้เว้ย!!!

วันพฤหัสบดีที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2557

Diary : 6 Mar 14

ตอนนี้ระบบเทรดของเราที่ค่อนข้างเชื่อถือได้เลยเป็นขา Long คือ
H4 - TStoch OS และ MACD ตัด Signal ขึ้นจากใต้น้ำ
H1 - TStoch OS และ MACD ตัด Signal ขึ้นจากใต้น้ำเช่นกัน แต่ MACD อาจจะขึ้นมาเหนือศูนย์แล้วก็ได้ ถือว่าใช้ได้เช่นกัน

เราอาจจะดูว่า H4 TStoch ลงมา OS แล้ว เราก็เข้าไปดู H1 ถ้า H1 TStoch OS และ MACD ตัด Signal ขึ้นจากใต้น้ำ ก็ Bet L ได้เลย จากนั้นลุ้นให้ MACD H4 ตัด Signal ขึ้น ก็ถือว่าใช้ได้และได้ทุนต่ำ หรืออย่างน้อยเรารอให้ MACD H4 ตัด Signal ขึ้นจากใต้น้ำมาก่อนเพื่อความชัวร์ก็ได้

Run Trend ด้วย MACD H4 เพราะ MACD จะยืนเหนือเส้น Signal ไปตลอดทาง ถึงแม้ว่า H1 MACD จะตัดขึ้นตัดลง เกิด Divergence ก็ไม่ต้องสนใจ ให้ยึด MACD H4 เป็นหลัก (ให้ดู Indi ที่เราตัดสินใจได้ง่ายแทน)

ตอนนี้ที่กำลัง Test อยู่ด้วยคือ Bet L ที่เส้น Channel รับ ตัวที่ทดลองอยู่เป็น EURUSD เราตี Channel H4 ไว้ ราคาลงมาแตะ Channel พอเข้าไปดู H1 เห็น MACD Bull Diver + MACD ตัด Signal ขึ้นมา จึงตัดสินใจเข้า แต่ปรากฎผ่านไปครึ่งวัน ราคายังอยู่ที่เดิม ต้องรอพิสูจน์ระบบนี้กันต่อไป