วันอังคารที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

FVS

1. การวัดผลการลงทุน คือ วัดกำไรที่มากที่สุดในเวลาอันสั้นที่สุด การลงทุนทางเทคนิค สามารถทำกำไรได้ 10% ต่อสัปดาห์
2. วิธีที่จะเรียนวันนี้ ฝีมือแบบห่วยๆ เลย ได้กำไรอาทิตย์ละ 10% ถ้าป่วยแล้วมาเล่นอาจะได้กำไรเหลือ 5% และไม่กล้าคุยกับเพื่อนด้วย ลองคิดดูล่ะกัน
3. วิธีการนี้ จังหวะที่ดีที่สุดคือขายเก็บกำไรเข้ากระเป๋าแล้วไปเข้าห้องน้ำ
4. วันนี้เราจะเป็น Trader ลงทุนกับการเคลื่อนไหวของราคาหุ้น ซื้อราคาต่ำขายราคาสูง แต่ปกติเราซื้อสูงขายต่ำ เรากำลังต่อสู้อยู่กับอีกฝ่ายหนึ่ง คือ รายใหญ่ (Big Hand)
5. หุ้นที่มีการเคลื่อนไหวของราคาอย่างรุนแรง ในระยะเวลาอันสั้น จะต้องมีรายใหญ่ทำราคาเสมอ  โดยรายใหญ่จะขาย เมื่อตอนที่เรารู้สึกว่าเราจะต้องซื้อ ส่วนตอนขาย รายใหญ่ก็จะสร้างความรู้สึกว่าเราไม่ควรถือแล้ว เราถูกสร้างความคิดให้เป็นรายย่อยเสมอ
6. โบรคเกอร์สนเฉพาะรายใหญ่เท่านั้น เพราะได้รายได้จากค่าคอมของรายใหญ่
7. ขบวนการที่หุ้นขึ้นต้องอาศัยรายใหญ่เสมอ
8. วันนี้เราจะเรียนวิธีเล่นหุ้นแบบรายใหญ่ ความคิดเป็นรายใหญ่แต่ใช้เงินนิดเดียวได้ ซื้อจังหวะเดียวกับเค้า ขายจังหวะเดียวกับเค้า กำไรน้อยกว่าเค้า ให้เกียรติเค้าเพราะเค้าลงทุนเยอะกว่า ให้เกียรติเค้าโดยเราเข้าทีหลัง ทุนสูงกว่า (เพราะรายใหญ่ต้องใช้เงินลงทุนไปเยอะก่อนแล้ว ถอยไม่ได้) และเราขายก่อน ให้เกียรติเค้าเช่นกัน รายใหญ่กำไร 100% เรากำไร 30% พอใจไหม?
9. การลงทุนที่ประสบความสำเร็จ คือ กำไร 10% ต่อสัปดาห์ 40% ต่อเดือน ถ้าไม่ถึง จะต้องมาลงเรียนซ้ำไปเรื่อยๆ
10. เมื่อรายใหญ่จะทำราคาหุ้นตัวไหนก็ตาม รายใหญ่จะต้องรู้ว่าปริมาณหุ้นหมุนเวียนซื้อขายกันในตลาดมีเท่าไรในช่วงระยะเวลานั้นๆ คือ หุ้นที่ถือลอยเอาไว้ในโบรคเกอร์ คือ FLOAT (F) เช่น Float ของ TPIPL 120 ล้านหุ้น รายใหญ่กำเงิน 2,000 ล้านบาท รายใหญ่ซื้อ 60 ล้านหุ้น ทุน 15 บาท พอราคาขึ้นไปถึง 18 บาท คนขาย คือ รายใหญ่และรายย่อยที่ถือมา วิธีนี้ รายใหญ่เสียเปรียบ ดังนั้น รายใหญ่จึงจะต้องซื้อหุ้นต้นทุน 15-16 บาทให้ได้มากที่สุด เช่น ได้มา 100 ล้านหุ้น เหลือ 10-20 ล้านหุ้นก็ปล่อยๆ มันไป โดยกลุ่มเราจะไปซื้อในกลุ่มนี้ หลังจากนั้นบทวิเคราะห์เริ่มมา สัญญาณการซื้อเริ่มมา ราคาขึ้นมาเรื่อยๆ ที่ 20 บาท แมงเม่ามั่นใจไปซื้อได้ 23 บาท ซื้อทันแล้ว หุ้นขึ้นชัวร์ หลังจากนั้นผ่านไป 1 สัปดาห์ราคาอยู่ที่เดิม เพราะรายใหญ่กับเรากำลังขาย
11. SET กับหุ้นไม่เกี่ยวข้องกัน
12. รายใหญ่ไม่สามารถหลบเราได้เพราะ Transaction มาเป็นกราฟ เราจะรู้ได้จากการอ่านกราฟด้วยระบบ FVS
13. Indicator สัญญาณซื้อจะมาหลังจากระบบ FVS ไปประมาณ 3 วัน โดยราคาอาจขึ้นไป 100% ได้
14. ท่านนำวิธี FVS ไปใช้กับการอ่านกราฟของเรา จะทำให้เราลงทุนที่ไหนก็ได้ในโลก
15. รูปแบบกราฟที่อาจารย์ทำมือ คือ ความจริง FACT การอ่านกราฟหุ้นเป็นการอ่านความเป็นจริงที่เกิดขึ้นแล้ว กราฟที่เราเห็น รายใหญ่ลงทุนสะสมหุ้นไปแล้ว ถอยไม่ได้ เค้าต้องไล่ราคา ไม่งั้นจะไม่ได้กำไร ซึ่งเค้ายอมไม่ได้
16. รายใหญ่สะสมหุ้น ให้รายย่อยขายออกมา ต้องให้รายย่อยกำไรบ้างจึงจะยอมขาย
17. กราฟหุ้นเป็นผลสรุปของทุกปัจจัยแล้ว ถ้าท่านอ่านกราฟหุ้นด้วยระบบนี้ ไม่ต้องอ่านข่าวแล้ว เพราะข่าวมักจะออกตอนที่รายใหญ่อยากจะขายหุ้น
18. ผลสรุปการอ่านกราฟหุ้นออกมา 2 ปัจจัย คือ ราคา และ Volume เท่านั้น
19. ผลรวมการซื้อขายรวมกันเป็นแรง แบ่งเป็น แรงซื้อและแรงขาย เหมือนชักเย่อ เมื่อ 2 แรงนี้สมดุลกันราคาจะอยู่นิ่ง คือ มีการเคลื่อนไหวของราคาแต่น้อย เมื่อใดก็ตามแรงไหนชนะขาด ราคาจะทะลุกรอบการเคลื่อนไหวขึ้นไป กราฟจะบอกว่า บัดนี้แรงซื้อได้ชนะแล้ว ดังนั้นการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นมีแค่ 3 แบบเท่านั้น คือ Sideway ขึ้น หรือ ลง ส่วนมากเราจะเล่นหุ้นลงในทางขึ้น เราจะเล่นเมื่อเห็นกราฟราคาขึ้นแน่ๆ
20. จากประสบการณ์ของอาจารย์ กรอบจะวิ่งอยู่ประมาณ 10% ของราคา เราจะเรียกกราฟหุ้นนี้ว่า ไม่มีการเคลื่อนไหว เราจะไม่เล่นหุ้นแบบนี้ เราจะเล่นหุ้นที่มีการเคลื่อนไหวขึ้นเท่านั้น และเข้าซื้อในจังหวะที่ "กำลังจะขึ้น" เท่านั้น คือ เมื่อซื้อแล้ว หุ้นจะต้องขึ้นภายใน 48 ชม!! ระบบนี้ทำได้ ระบบนี้จับได้ภายใน 4 ชม เท่านั้น การถือหุ้นเกิน 2 วัน วิธีการนี้อาจารย์รับไม่ได้
21. การขาดทุนในตลาดหุ้นมี 2 อย่าง คือ ขาดทุนเงิน และขาดทุนเวลา แต่สิ่งที่เรายอมรับไม่ได้คือ การขาดทุนเวลา เราไม่สามารถซื้อกลับมาได้ เมื่อเราซื้อหุ้นแล้ว 48 ชม. ไม่ขึ้น เราไปเองเลย
22. อาจารย์ไม่ใช่ Day Trade เป็น Short Term ยืดจากในวันเป็น 48 ชม. เพราะ Short Term บ่งชี้ประสิทธิภาพในการลงทุน ยิ่ง Long ประสิทธิภาพยิ่งลดลงเรื่อยๆ ยิ่ง Long ยิ่งเสี่ยง ยิ่งถือยาวยิ่งไม่เสี่ยง เป็นความคิดที่ผิด
23. ใครถือเกิน 48 ชม อย่าให้รู้ แล้วถ้าติดหุ้นนี่ยอมรับไม่ได้
24. การเคลื่อนไหวของราคาหุ้น คือ หุ้นที่มีการเปลี่ยนกรอบราคาไปซื้อขายในกรอบใหม่
25. อาจารย์อ่านตำราพุทธธรรมของ ปอ. ปยุตโต จึงคิดวิธีการเล่นนี้ได้ การไล่ราคาจาก 0.6 ไป 1.6 เป็น "ผล" เพื่อปล่อยหุ้นที่ 1.6 ขายทำกำไร เอาหุ้นที่ไหนมาปล่อย ก็หุ้นที่เค้าซื้อเก็บไว้แล้ว 700 ล้านหุ้น ราคา 1.6 บาท รวมเงิน 1,200 ล้านบาท ไปเอาหุ้นมาจากไหน? ถ้าตรงนี้เป็นผล แล้วเราลองหาดูสิ มันจะเป็นเพื่อนตายเลย
26. ด้านขวาของเส้นขาวเป็นผล ด้านซ้ายของเส้นขาวเป็นเหตุ คือ รายใหญ่ต้องสะสมหุ้นให้ได้ 300-400 ล้านหุ้น เพื่อไปขายที่ 1.6 ประมาณ 700 ล้านหุ้น

27. แรงขายแห้งสนิท
28. เราเรียกสัญญาณ ระยะพักตัวเสร็จสิ้นหลังสะสมมา ปริมาณการซื้อขายมากขึ้น
Coffee Break
29. หุ้น General Environmental เปลี่ยนกรอบมาจาก 0.9 เป็น 1.0 บาท เก็บมา 100 ล้านหุ้น ยังสะสมไม่เลิกจน 1.2 ได้ 200 ล้านหุ้น จากนั้นเงียบ 1 เดือนเต็ม จากหลายสิบล้านเหลือ 3 ล้านหุ้น แห้งมาก เรียกว่า พักตัว วันถัดมา Vol เพิ่มจาก 3 เป็น 45 ล้านหุ้น ราคาเพิ่มเกือบ 10% วันนี้เป็นการยืนยันการพักตัวเสร็จสิ้นแล้ว พร้อมจะไล่ราคาเร็วๆ นี้ เราจะต้องซื้อวันนี้หรือวันรุ่งขึ้น แต่เราถือไป 2 วัน ยังไม่วิ่ง ให้เราออกตามแผน แต่เมื่อราคาเปิด Gap กระโดดขึ้น 1.27 และ Float ใน 1 ชม เกิน 7 ล้านหุ้น (มาจาก Vol วันก่อนหน้า 35 ล้านหุ้น ซอยย่อย 4 ชม ได้ 7 ล้าน) ก็ให้ตามได้เลย จริงๆ ตามระบบจะเข้าวันนี้
30. กรอบราคา ตีเอาหางด้วย หุ้นตัวไหนขึ้นมา 3 กรอบ แสดงว่าเป็นขาขึ้นแน่ๆ!! แต่เป็นขาขึ้นเท่านั้น ยังไม่ได้ไล่ราคา เราจะต้องรู้จังหวะการซื้อกรอบของ 3 วันล่าสุดก่อนขึ้นให้ได้ ซึ่งวันนี้เราจะรู้

31.Volume ซ่อนไม่ได้ ถ้าเจอหุ้นที่ Volume ต่างกับวันก่อนหน้า 10 เท่า มีโอกาสจะวิ่ง
32. ราคาหุ้นตัวไหนขึ้นมาที่กรอบที่ 3 ถือว่าเป็นขาขึ้น แต่ยังไม่ได้บอกว่าขึ้น
33. Spread คือ ราคา High เทียบกับราคาเปิด
34. V=Volume, F=Float, S=Spread เปิดกราฟ 100 วัน มาอ่านเรื่องเราวที่เกิดกับกราฟนั้น
35. เปิดกราฟมาปั๊บ เราต้องหาแท่งเทียนนี้ก่อน คือ "แท่งเขียว ยาว ใหญ่" และดู Volume Peak ขึ้นไปเลย เรียก Spike
36. The Best Indicator of The World = เขียวยาวใหญ่ + Volume มหาศาล บ่งชี้ว่า หุ้นตัวนี้มีการทำราคาเพื่อดันให้ราคาขึ้นไปสูงมากๆ ในเร็วๆ นี้
37. แท่งแดงยาวใหญ่ ถ้ามี Volume แย่ ถ้าไม่มี Volume ยิ่งแย่ เพราะไม่มีคนมารับหุ้นเลย
38. การซื้อขายหุ้นในแต่ละวัน มันเป็นสงครามการต่อสู้ระหว่างเรากับรายย่อย
39. หากเกิดกราฟตัวที่ 3 (เหมือนโดจิ) วันถัดไปจะยุ่งยาก เป็น Judgement Day
40. Pincer พบเมื่อเจอการกลับตัวจากลงเป็นขึ้น
41. หนังสือ Profit in Volume บอก Widen Spread + High Volume = Bull Candle
42. สงครามระว่างเรากับรายย่อย เกิดเยอะมากกับแบบที่ 6 มักเกิดขึ้นในกรอบที่ยังไม่บ่งชี้ทิศทาง
43. เวลากราฟเกิดจะเรียง 1 3 6 4 5 2
44. หุ้น เวลาขึ้น ขึ้นบันได เวลาลง ลงลิฟท์ รูปแบบนี้เกิดขึ้นทั่วโลกมา 100 กว่าปี ไม่เคยเปลี่ยนเลย
45. วงจรการเคลื่อนไหวของราคา มี 3 ช่วง คือ Accumulation --> Markup --> Distribution --> Markdown


46. ช่วงราคาในการสะสมหุ้น 4 กรอบ นับจากราคาต่ำสุด พอขึ้นกรอบที่ 5 จะเริ่มไล่ราคา
47. ช่วงเวลาในการสะสมหุ้นจะน้อยลงเรื่อยๆ เมื่อไล่ราคาจนราคาขึ้นไปสูง เพื่อให้จบโดยเร็วที่สุด
48. การจบของรอบ จะเกิดแท่งยาวมาก (ไม่ว่าจะเป็นเขียวหรือแดง) พร้อม Volume มหาศาล อาจจะมากกว่า Float ของวันแรกที่เริ่มต้น เช่น กรอบ 4 มาเป็นกรอบ 5 ใช้ Volume 120 ล้านหุ้น วันที่ขายหมด อาจจะถึง 500 ล้านหุ้น โดย Float ของวันจบจะไม่เกิน 4 เท่าของวัน Float ที่เริ่มต้น
49. ราคาขึ้นสูง แล้วพักตัว Volume แห้งมาก แสดงว่า แรงขายหมด (Volume Dry Up = เป็นสัญญาณอันตรายเหมือนแท่งเทียนข้อ 3) จนกระทั่ง Break TL และมี Volume Spike อีกครั้ง จึงเป็นจุด Entry เพราะรายใหญ่รู้แล้วว่าแรงขายหมด จึงตัดสินใจเข้าไปไล่ราคา จะขึ้นได้สูงมาก โดยใช้เงินลงทุนน้อย การที่หุ้นพักตัวเสร็จ เราสามารถดูได้ "ใน 30 นาทีแรกของการซื้อขาย" เราจะซื้อวันที่เขียวยาวนี้ เรามั่นใจได้เลยว่ามันจะขึ้น กำไรแน่ๆ ภายใน 48 ชม. 


50. หุ้น Break New High เข้าสู่ระยะ 4 ราคาจะขึ้นไปจนกระทั่งเจอแท่งแดงยาวพร้อม Float ที่มากกว่า Float วันแรก


51. Slide ที่เกือบสำคัญที่สุด FVS Analysis เราจะเล่นเฉพาะหุ้นที่เคลื่อนไหวขึ้นเท่านั้น แต่เราจะเลือกมากกว่านั้นอีก คือ เราจะเลือกหุ้นที่ขึ้นเยอะมากๆ ในระยะเวลาอันสั้น คือ "หุ้นระเบิด" or Explosive Stock
52. ให้อ่าน Slide ตั้งแต่แผ่นหลัง FVS Analysis จะกลายเป็นนิสัยของเราตลอดไป
53. ขั้นตอนการสร้างราคาหุ้น
1) เราสะสมหุ้นโดยทำการซื้อจากรายย่อย เรียก หุ้นเริ่มเป็นขาขึ้น
2) เราทำการไล่ซื้อหุ้นในราคาที่สูงขึ้นไปเรื่อยๆ ระยะนี้จะมีรายย่อยเข้ามาสู่ด้วย เราต้องหยุดไล่ราคาแล้วรายย่อยจะขายทำกำไรออกมา เพราะเล่นสั้น จากนั้นเราจะเอาหุ้นคืน ที่รายย่อยแย่งซื้อจากเราไป เรียก ระยะหุ้นพักตัวเพื่อสะสมครั้งสุดท้าย
3) ระยะพักตัวเสร็จ ช่วงรอยต่อระยะ 2 มา 3 ระยะ 2 จะปรากฎลักษณะกราฟที่รายย่อยขายออกมาให้เราหมดวันสุดท้าย ดูจาก Spread ราคาแคบมาก และ Volume แห้งมากในรอบหลายๆ วันที่ผ่านมา เป็นตัวยืนยันว่า หุ้นจากรายย่อยได้ขายมาให้เราหมดแล้ว
54. ให้เราเอา Volume จากวันที่แห้งมาเป็นตัวตั้ง วันถัดไปถ้าภายในชั่วโมงแรกมากกว่า 1/4 ของวันก่อนหน้า จุดนี้คือ จุดที่หุ้นได้พักตัวเสร็จแล้ว และถ้าหุ้นเป็นบวก เราก็ Key คำสั่ง Enter ไม้หนึ่งทันที จากนั้นถ้าหุ้นขึ้นต่อ จึงค่อยซื้อไม้สองและสามตามและรันกำไร
4) ราคาหุ้นถึงเป้าหมาย หุ้นจะวิ่งขึ้นไปเรื่อยๆ ไล่ไปพักไป เราจะมีวิธีการที่เก็บกำไรซะก่อน โดยการขายไปถ้าราคาขึ้นไปสูงสุด 19 ลงมา 18.7 ขาย ลงมาและกลับขึ้นไปที่ 18.7 ใหม่ให้เราซื้ออีกรอบ เพราะมันจะขึ้นต่อ แต่ถ้าไม่ขึ้น เราคัทที่ 18.4 เพราะมันจะลงแทน ระยะที่ 3 มาต่อ 4 จะเร็วมาก
55. ถ้ามันจะกลับตัวขึ้น ราคามันจะต้องกลับมาจุดที่เราคัท แต่ถ้ามันลงไปอีก 3 ช่อง เราก็คัท แค่นั้น ไม่ต้องคิดมาก
56. การซื้อจังหวะ 3 เป็นการลงทุนที่มีประสิทธิภาพสูงสุด
57. เย็นนี้ไปอ่านทบทวนนิสัยตัวเองอีกครั้งหนึ่งและประพฤติตัวให้เป็นแบบนี้
58. แนวรับแนวต้าน การสร้างกรอบ
59. แนวรับคือ แนวที่ราคาลงมาสัมผัสแนวนั้น 2 ครั้ง และครั้งที่ 2 มี Volume น้อยกว่าการทดสอบครั้งแรก Low Retest จึงเป็นการยืนยันแนวรับ จิตวิทยา คือ มวลมหาชนคิดว่าราคาตรงนั้นต่ำแล้ว จึงไม่ขายหุ้นให้ เช่น ราคาหุ้นลงมา 10 บาทครั้งแรก 10 ล้านหุ้น ขึ้นและลงมาที่ 10 บาทอีกครั้ง แต่ Volume เหลือ 4 ล้านหุ้น
60. แนวต้าน คือ การชนแนวตรงนั้น 2 ครั้ง โดยครั้งที่ 2 Volume น้อยกว่าครั้งแรก เรียก High Retest จิตวิทยาคือ มวลมหาชนคิดว่าราคาขึ้นมาสูงแล้ว อย่าไปซื้อเลย เพราะสูงแล้ว
61. เมื่อเราได้กรอบแนวรับแนวต้านนี้ เราจะเริ่มสนใจเมื่อราคาทะลุกรอบนั้นไป ตรงที่กรอบ 10-11 บาท แล้วราคาเบรค 11.10-11.20 มาพร้อม Volume Spike และปิดที่ 12.0 เป็นแท่งเขียวยาว เรียกว่า True Break Out เบรคจริงๆ แต่ถ้าปิดวันที่ 11.4 พร้อม Volume Spike เป็นแท่งที่มีปัญหา ถ้าราคาวันรุ่งขึ้น ลงกลับมาในกรอบแสดงว่า False Break Out
62. Slide ที่สำคัญที่สุด คือ "FVS Analysis เพื่อหา Explosive Stock" เราเอาไปหากินได้ตลอดชีวิต เหนือกว่าขั้นเทพ
63. ถ้าเราสะสมหุ้นมาเรื่อยๆ เราจะรู้ได้ยังไงว่าเราสะสมหุ้นพอแล้ว จึงเป็นที่มาที่ไปของ Float 
64. ช่วงการเปลี่ยนกรอบ จะแตกต่างกับหุ้นขึ้นธรรมดาทั่วไป จึงได้เป็นหุ้นระเบิดออกมา
65. Explosive Stock หุ้นที่ขึ้นอย่างรุนแรงในเวลาอันสั้น โดยหุ้นจะระเบิด จะต้องแสดงลักษณะพิเศษออกมา คือ หุ้นมีการเคลื่อนไหว 15% ใน 3 วันทำการก่อนระเบิด ถ้าหุ้น Ceiling ใน 1 วัน หุ้นตัวนั้นจะระเบิดรุนแรงที่สุด เรียกสัญญาณของการระเบิดว่า Explosive Set Up = ESU = อีสู้
66. ลักษณะของ ESU
1. มี spread บวก กว้าง 15% ของราคาขึ้นไป
2. มีการขึ้นของราคา 15% ขึ้นใน 3 วันทาการ
3. มีการเปิด gap break out 200 วัน ด้วย volume float --> ข้อนี้ราคาขึ้นไม่ถึง 15% ก็ได้ ยกเว้นให้
67. ขั้นตอนการลงทุนด้วย FVS
1. ใช้ระบบ FVS ในการวิเคราะห์กราฟหุ้น
2. หาหุ้นที่มีลักษณะ หุ้นระเบิดหรือ ESU
3 . ซื้อหุ้น ในระยะพักตัวเสร็จ หรือ ระยะ 3 --> ต้องซื้อหุ้นในระยะ 3 เท่านั้น
4. ขายหุ้น เพื่อให้มีกาไร สัปดาห์ละไม่น้อยกว่า 10% ของ portfolio




1 ความคิดเห็น:

  1. คุณต้องการเงินกู้ยืม @ ดอกเบี้ย 2% สำหรับ บริษัท และบุคคลธรรมดา
    AIMS? ถ้าเป็นกรณี:
    เติมและกลับ
    ชื่อ: ===
    จำนวนเงินที่ต้องการ: ===
    ระยะเวลา: ==
    ประเทศ
    วัตถุประสงค์: ===
    หมายเลขโทรศัพท์มือถือ: ===
    บัตรประจำตัวประชาชน: ===

    เมื่อข้อมูลนี้ได้รับจาก บริษัท ของฉันเงินกู้ยืมดังกล่าวจะเริ่มติดต่อกับเราได้อย่างรวดเร็วทางอีเมล christloanfunds@gmail.com

    ตอบลบ