วันพฤหัสบดีที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2557

Price Action

สิ่งที่ได้เรียนรู้วันนี้

1. เราควรจะเทรดตาม Trend หลักใน TF นั้นๆ หลังจากเราวางแผนเข้าไปแล้วก็ไม่ต้องลงไปดู TF ที่เล็กกว่าอีกเลย ให้ยึด Trend ใน TF นั้นไป เช่น AU ปัจจุบัน Trend H4 เป็นขาขึ้น แต่ H1 เป็นขาลง ดังนั้นเราเล่น H4 คือ รอรับเมื่อราคาย่อมาที่ Channel รับของ H4 แต่ H1 เราเล่น Sell เพราะเป็น Trend ขาลงอยู่ แต่ต้องระวังการเด้งเพราะเราเล่นสวน Trend ใหญ่

2. การหาจังหวะเข้าตาม Trend นั้นมี 2 จังหวะ
Uptrend : a) เข้าเมื่อราคาลงมาที่ Channel/TL รับ
               b) เข้าเมื่อราคาเบรค Price Pattern หรือราคาทำ Sideway
Downtrend : a) เข้าเมื่อราคาขึ้นมาที่ Channel/TL ต้าน
                    b) เข้าเมื่อราคาเบรค Price Pattern หรือราคาทำ Sideway
Sideway คือ Continuation ของ Trend หลัก

3. การหาจังหวะเข้าสวน Trend มีเงื่อนไขดังนี้
3.1) Trend TF ใหญ่กว่า เช่น Week Day H4 เป็นขาขึ้น
3.2) Trend TF เล็ก H1 เป็นขาลง
3.3) ราคาลงมาใกล้ TL รับของ H4
3.4) ราคาเกิด Over Sold ใน Trend H1
3.5) แบ่ง Zone รับที่แนวรับในอดีต + ตัดกับ TL รับของ H4
3.6) ไปขายที่แนวต้านหรือ Channel ต้านของ H1 เพราะเราเล่นสวน Trend มองแค่เด้ง

4. การหา Trend หลักนั้น จะต้องมีจุดที่ทำให้เกิด Channel บน 2 จุด และล่าง 2 จุด

5. ถ้าราคา Break Price Pattern ได้ ราคามักจะวิ่งไปเร็ว ไม่หวนกลับมา แต่ถ้าราคา Break TL อาจจะแค่ย่อลงและดีดกลับมาอีกทีก็ได้ ไม่แนะนำให้เล่นเบรค TL
ดังนั้น การเบรค Price Pattern เราจึงสามารถใช้ Buy/Sell Stop ได้

6. Pattern W&M จะแรงที่สุด แต่ H&S ไม่สำคัญเท่าไร เหมือนกับการเบรค TL ลงมา ให้ไปดูวิธีการวัดเป้าและตั้้ง SL ในแต่ละ Price Pattern

7. การวางแผนเข้า เราควรใช้แบบ "ปิระมิด" คือเข้าโดยให้น้ำหนักของ Lot Size ต่างกัน เช่น 0.01/0.02/0.03 เพื่อทำให้เวลาขึ้นไป พอร์ตโดยรวมจะกำไร แต่ถ้าเป็นแบบ "สีเหลี่ยม" คือเข้า Lot Size เท่ากันทุกไม้ เราจะทำให้พอร์ตโดยรวมกำไรได้ยากกว่า

8. การทำ Spread หรือ Square เราจะทำเมื่อพอร์ตเรามีกำไร เช่น เรา Short ลงมาโดยมีไม้ที่ทุนดีสุดไว้ Run Trend ส่วนไม้ที่ทุนแย่ ให้ทะยอยออกตามเป้าของ Price Pattern หรือ ชน Channel จากนั้น เมื่อ Run Trend มาได้ให้ทำการย้าย Trailing Stop ตาม Dow ไปเรื่อยๆ เมื่อถึงจุดหนึ่งมองว่าตรงนี้เป็นแนวรับสำคัญ ให้ทะยอยเปิด Buy ให้เท่ากับจำนวน Lot Size ของ Sell ที่ถืออยู่ และเมื่อราคากลับตัวเป็นขาขึ้น ไปโดน SL ของ Sell ก็ทำให้เหลือแต่ Buy มีกำไรต่อเนื่อง

9. ราคาพอหลุดแนวนี้แล้ว มันมักจะวิ่งอีกจุดหนึ่งเสมอ

10. ถ้าเราได้นิสัยไม่ดีติดตัวไป ระยะยาวเราจะไม่รอด ดังนั้น เราต้องยับยั้งชั่งใจเวลาไม่ทำตามแผนหรือมีอารมณ์เกิดขึ้น

11. การตี TL/Channel หากเป็นขาขึ้น ราคาเบรค Channel ลงและเด้งกลับมาใน Channel อีกครั้ง ให้ย้ายจุดตี Channel แต่หากเบรค Channel บนขึ้นไป ก็คือ Over ระวังราคากลับมาที่ Channel จากนั้นให้ย้าย Channel บนไปครอบราคาให้หมด

12. ระบบเทรดจะต้องมี Entry, Exit, SL, TP ถ้าขาดอันใดอันหนึ่งไปก็ไม่ถือว่าเป็นระบบเทรด

13. Price Action นั้น มีคนทำวิจัยจากแท่งเทียนที่ Breakout 2,000 แท่ง ว่า
70% --> Break จริง
17% --> False Break
ดังนั้นเราให้เราเทรดบนหลักสถิติ โอกาสไปมีมากกว่าไม่ไปเยอะ

14. เวลาที่มีข่าว อยากให้อยู่ เพื่อเล่นกับการเหวี่ยงของราคาเป็น Easy Money ข่าวสำคัญที่ควรตาม คือ Non-Farm

15. แท่งเทียนมี 2 ชุด Bearish & Bullish ส่วน Trend ก็มี 2 ชุด คือ Reversal & Continuation

16. Gap คือ แนวรับแนวต้าน ที่จะต้องถูกปิดเสมอ

17. Price Action คือ การหาแนวต้านแนวรับของกลุ่มแท่งเทียน แล้วเข้าเมื่อราคาเบรคแนวนั้น
สำหรับ TF ใหญ่ เช่น H4, D1, W1 เป็น Single Action โดย Pattern ที่ควรจำคือ
a) Shooting Star --> เกิดที่แนวต้าน
b) Hanging Man --> เกิดที่แนวต้าน
c) Hammer --> เกิดที่แนวรับ
d) Reverse Hammer --> เกิดที่แนวรับ (ลักษณะเหมือน Shooting Star แต่อยู่ด้านล่าง)
**ข้อสำคัญ คือ Price Action พวกนี้จะต้องเกิดที่ "แนวรับแนวต้านที่สำคัญ" เท่านั้น!!! ไม่ใช่มาเกิดกลาง Trend แบบนี้ไม่มีประโยชน์เท่าไร

18. สำหรับ TF เล็ก เช่น M30, M15, H1 การดู Price Action นั้นจะต้องดู Multi-TF หมายความว่า ถ้าดู Price Action ที่ H1 จะต้องดู M30 ประกอบด้วย เพื่อให้แน่ใจว่าเกิด Price Action ขึ้นทั้ง 2TF จริง จึงจะมีโอกาสสูงที่ราคาจะกลับตัว

19. Bearish Gravestone Doji เป็น Pattern ที่แรงจริง

20. Shooting Star จะต้องมีไส้ยาวกว่า Body อย่างน้อย 2 เท่า

21. หลักการเทรด จะต้องดูตามลำดับดังนี้
1) ดู Trend เป็นหลักก่อน ว่าขึ้นหรือลง
2) ดู Price Action ที่แนวรับแนวต้านเป็น Signal ในการเข้า กรณีที่เราตั้ง Zone รับของ บางทีอาจจะไม่ต้องดู Price Action ก็ได้ แต่หากไม่มั่นใจ กลัว Zone ที่เราวางไว้รับไม่อยู่ เราก็ต้องมาเฝ้ากราฟหน่อย เพื่อดูว่ามี Price Action อะไรเกิดขึ้นไหม ถ้าเกิดขึ้น เราจึงตัดสินใจเข้าได้เลย
3) จากนี้ค่อยเอา Indicator มาจับ ซึ่งตอนนี้เรายังไม่ไปถึง

22. คนส่วนใหญ่มักพูดว่า 60% จิตวิทยา 30% MM 10% TA แต่เวลาเราเริ่ม เราต้องเริ่มด้วย TA --> MM --> จิตวิทยา มันถึงจะทำให้เรามีจิตวิทยาที่ดีได้ สามารถตัดอารมณ์กลัวโลภระหว่างเทรดออกไปได้จริง หากเรามี TA & MM ที่ดี

23. MM หากเรามี 1,000$ ต้องการเทรด 3 Product ก็จะได้แต่ละ Product 300$ จากนั้นเราจึงมาตัดสินใจอีกทีว่า เราจะยอมเสี่ยงเข้าในแต่ละครั้งของ Product นั้นเป็นกี่ % ของ Product (เทียบกับ 300$) ซึ่งตรงนี้ขึ้นอยู่กับแต่ละคนจะรับได้ที่ตรงไหน นอกจากนี้ เราจะต้องรู้ด้วยว่า การเข้าไม้นี้เป็น Flush หรือ คู่เดียว เพราะถ้าเรารู้ว่ามีโอกาสเกิด Flush เราอาจจะอัดที่ตรงนี้หรือเสี่ยงมากหน่อยที่จุดนี้ก็ได้ เช่นปกติเสี่ยง 3% จุดที่เราคิดว่า Flush อาจจะเสี่ยง 10% แทนไปเลย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น