วันอาทิตย์ที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

ทำบุญครั้งที่ 2

ตลาด Forex
เป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุด
เปิด 24 ชม
Commission Free
เล่นได้ทั้งขึ้นและลง

ถ้าเรา "กลัว" กับ "ความมั่นใจเกินเหตุ" ทำให้เรา "ขาดทุนแน่นอน"

ค่าเงิน AUDJPY การมองค่าเงินอ่อนแข็ง ให้ยึดตัวหน้าเป็นหลัก
- ถ้า กราฟขึ้น --> ค่าเงินตัวหน้าแข็ง
- ถ้า กราฟลง --> ค่าเงินตัวหน้าอ่อน

การเรียน TA คือ การเรียนรู้เพื่อให้เสี่ยง แต่เสียน้อยที่สุด

Dow's Theory
ขึ้น
ลง
ออกข้าง (พักตัว)

ทางเลือกของเทรดเดอร์ทั่วไป
1. คิดใหม่ เช่น คิด Indi ค่าใหม่ๆ
2. ทำตามคนที่สำเร็จ --> เราเลือกข้อนี้
การจะเป็นนักวิ่งที่ดีได้ เราต้องไปหาแชมป์ คนที่วิ่งเก่ง นี่เป็นวิธีที่เร็วที่สุดในการจะประสบความสำเร็จ

Dow มี 6 ข้อ
1. Market Discount Everything ราคาเป็นบทสรุปของทุกอย่าง ไม่เอาพื้นฐานมาประเมินด้วย เพราะจะทำให้เราสับสน
2. ตลาดมี 3 Trend : Uptrend, Downtrend, Sideway
การขึ้นลงจะมี 3 ช่วง : Primary, Secondary, Minor Trend เราต้องอ่านให้ออกว่าเราเล่น Trend สั้นหรือยาว
สิ่งสำคัญเป็นอันดับต้นๆ คือ เราต้องอ่าน Trend ให้ได้ก่อน จากนั้นค่อยนำ Indi เข้ามาใช้
หลักของ Indi มี 4 อย่าง คือ Bull Div, Bear Div, OB, OS
3. ตลาดมี 3 ช่วง
3.1 ช่วงสะสมหุ้น (Accumulation)
3.2 ช่วงที่นักลงทุนทั่วไปเข้ามา (Public Participation)
3.3 ช่วงที่แมงเม่าเริ่มเข้ามา (Distribution) --> ถ้าแม่ค้ารู้ว่าทองขึ้น แสดงว่าอยู่ในช่วงนี้แล้ว
6. เมื่อราคาขึ้น ก็จะขึ้นต่อ จนกว่าจะมีสัญญาณกลับตัวชัดเจน
History Repeat Itself มันจะต้องเกิดซ้ำๆ

การซื้อธุรกิจ คือ การซื้อระบบ เช่น 7-11 การเทรด TA ก็ต้องมีระบบที่ชัดเจน ไม่เปลี่ยนม้ากลางศึก
ระบบที่ดีจะประกอบไปด้วย 3 อย่าง
1. Entry
2. SL
3. Exit (TP)

Primary Trend --> Trend ที่ขึ้นยาวเป็นปี จึงจะหมด Trend
Secondary Trend --> การปรับฐานมักใช้เวลา 2 สัปดาห์ - 3 เดือน

การตี TL จะต้องให้เกิดเป็นภูเขาก่อน จึงจะตีได้ ไม่งั้นเราจะมีโอกาสตีผิด
1 TF คือ 1 Trend
จุดกลับตัวของ Dow's Theory คือ หลุดแนวโน้ม
Rebound คือ การเด้งในขาลง
แนวรับ = พื้นโต๊ะกับลูกปิงปอง
เราใช้ข้อมูลจากอดีต มาสร้างสถิติที่จะเข้าซื้อ
คลื่นที่มีการ Over คือ คลื่น 3 --> นี่คือ สัญญาณเตือนว่าจะลงเร็ว
คนเล่น TA จะเป็นคนที่สวนสัญชาตญาณมนุษย์
การ Pullback เป็นสัญญาณอีกอย่างหนึ่งในการบอกว่ามันจะไปต่อ
การตั้ง SL อีกแบบคือ ตั้งใต้แนวโน้ม เพื่อจำกัดขาดทุนน้อยกว่า HL ล่าสุด
TL ใหญ่มีผลมากกว่า TF เล็ก
การหลุด TL เส้นหนึ่ง มันจะวิ่งมาหา TL รับอีกเส้นหนึ่ง
เราจะรู้ว่าเราตี TL ผิด ก็คือ ราคาหลุดมาแล้ววิ่งกลับเข้าไปในแนวโน้มเดิม
ฺBear Trap คือ ราคาจะทำ New High ดังนั้นถ้าราคาวิ่งกลับไปใน Trend ให้หนีก่อน
ราคาไม่ลงมาที่ Trend รับ ก็เป็นลักษณะของ Wave 3 เหมือนกัน คือ อยากขึ้นแล้ว
ใช้แนวต้านที่เกิดขึ้นใหม่
การเข้าที่เบรค ให้เข้าที่เบรคแท่งแรกเลย และตั้ง Sถ้L ที่ใต้ TL

ถ้าราคาลงมาไม่ถึง Channel บางทีอาจจะไปหยุดตรงเส้นกลาง Trend ก็ได้

RR เป็นสิ่งสำคัญในการเทรดระยะยาว จะต้อง > 1 เสมอ ไม่อย่างนั้นจะทำให้เราขาดทุน เช่น
RR=1 & เทรด 10 ครั้ง ผิด 7 ถูก 3 => -7 + 3 = -4
RR=3 & เทรด 10 ครั้ง ผิด 7 ถูก 3 => -7 + 9 = +2
การเลือกจุด SL ที่ดีสำหรับทำให้ RR สูงขึ้น คือ เลือก Low ที่ Breakout ขึ้นไป ซึ่งเราอาจจะต้องเข้าไปดูใน TF ที่เล็กลง

Price Pattern เมื่อเกิด Pattern ราคามักจะวิ่งเร็ว Pattern ที่ใช้บ่อยๆ มีดังนี้
1. Wedge => เป็น Reversal Pattern ราคาลงแรงและเร็ว ขา 1 มักจะยาว
2. Flag => เป็น Continuation Pattern
3. Triangle => เป็นทั้ง Continuation & Reversal Pattern

สิ่งที่เกิดขึ้นในกราฟ เรียงลำดับก่อนหลัง
1. Trend
2. Price Pattern
3. Price Signal ใช้ต่อเมื่อเกิดที่แนวรับแนวต้านของ Trend เท่านั้น
4. Elloitt Wave

Elloitt Wave
Wave 2 คือ ราคาจะไม่ทำ New Low
Mr.Elloitt Wave ใช้ Fibo ในการวัดความยาวของแต่ละคลื่น ดังนั้น Fibo ไม่ได้เอาไว้วัดแนวรับแนวต้านที่แข็ง
Fibo Retracement เอาไว้หาแนวรับแนวต้าน และหา Wave 2
สิ่งที่เกิดก่อน Fibo คือ แนวรับแนวต้าน ดังนั้น การหาคลื่น 2 ว่าลงกี่ % ก็คือการหาแนวรับในอดีตนี่เอง
Fibo Expansion คลื่น 3 มักจะยาว 161.8% ถ้า Wave 3 ไปไม่ถึง 161.8% มันอาจจะเป็น Wave ประหลาด

Trend จะมี 2 รูปแบบ
1. Impulse
2. Corrective

ปัจจุบันทองมองเด้ง B และลง C ซึ่งเราอาจจะวางแผน S-Zone ไว้ 3 ไม้ ตัดขาดทุนที่ 1363 และมองเป้าที่ 1210 ได้ RR > 2 เวลาออกก็ทะยอยออกระหว่างทางเป็น % ของจำนวนที่เราเข้า ถ้าเข้า 3 ไม้ เราก็ทะยอยออกทีละ 30% (1 ไม้) ตามแนวรับแนวต้านสำคัญ

ดู VDO จิตวิทยาการลงทุน
กฎของการเป็นนักเก็งกำไรชั้นยอดคือ "Let Profit Run"
คนทั่วไป มักจะ เก็บกำไรไว้ก่อน แต่เวลาขาดทุนกลับถือต่อ
แต่นักเก็งกำไรที่ประสบความสำเร็จคือ ยอมเสี่ยงที่จะ Let Profit Run แต่เวลาขาดทุน เน้นความแน่นอนและยอมรับกับจุดที่ขาดทุนตรงนั้นได้ เพราะถ้าเรามองถึงการเทรดครั้งต่อไป เราอาจจะขาดทุนในไม้ต่อไปด้วยก็ได้ ดังนั้น หากเราตัดขาดทุนและ Let Profit Run ได้สม่ำเสมอ ก็จะทำให้เราเป็นนักเก็งกำไรที่ประสบความสำเร็จในระยะยาวได้

การดูจุดกลับตัว ให้รอจนกระทั่งเกิดราคา Peak คือ Big Candle ก็จะตีได้แล้ว แต่ถ้าเอาชัวร์คือ รอเบรค Trend ใน TF เล็ก ก็ได้
การดูว่าท่อนนั้นเป็น Impulse หรือ Corrective ให้ย้อนไปดู TF ใหญ่ เพราะลูกก็ต้องเหมือนกับแม่ เช่น ทองใน Day เราอยากรู้ว่าเป็นแบบไหน ก็ไปดู Week ซึ่ง Week ปัจจุบันเป็น Sideway ก็คือ Corrective นั่นเอง

Indicator
1. Bollinger Band
2. MACD
TA แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม
1. ใช้ Indicator หรือ System Trade ต้องตัดอารมณ์ออก และเทรดตาม Signal ของระบบ ต้องนั่งเฝ้า
2. ใช้แผน เทรดระยะยาว ไม่ต้องนั่งเฝ้า
Indi ถ้าใส่แล้วเทรดดีขึ้น ก็ให้ใส่ แต่ถ้าไม่ดีขึ้น ก็ไม่ต้องใส่
ดูบนก่อน ค่อยดูล่าง => ดู Price ก่อน ค่อยดู Indi
ไม่มี Technical ไหน 100% ทุกเทคนิคก็จะมีข้อผิดพลาดของมันอยู่
Indi เอาไว้ดูสุดท้าย

คนเรายอมรับการขาดทุนไม่ได้ แต่เราต้องยอมรับการขาดทุนให้ได้ก่อนที่มันจะเกิดขึ้น นั่นคือ "การวางแผน"

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น