วันพฤหัสบดีที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2557

อุปนิสัย " นักเรียนรู้ตลอดชีวิต" และเทคนิคข้อเดียวที่จะอัพเกรดชีวิตคุณไปตลอดกาล ....

วันนี้ผมได้ดูวิดีโอของ  Brian Tracy เจ้าเก่า (เพราะเคยเอาวิดีโอเค้ามาแชร์หลายรอบแล้ว)
เป็นวิดีโอสั้นๆ 4 นาทีเศษเช่นเดียวกับวิดีโอเรื่องอื่นๆ ของเค้า ซึ่งตอนนี้มีชื่อว่า…
Develop the Habit of Lifelong Learning for Professional Developmentแปล : การพัฒนาอุปนิสัยแห่งการเป็นนักเรียนรู้ตลอดชีวิตเพื่อการพัฒนาเชิงวิชาชีพ
ผมดูแล้ว ก็ประทับใจ + ซาบซึ้งอีกเช่นเคย อดไม่ได้ที่จะ Share ให้ทุกท่านได้รู้ด้วย…
เพราะมันเป็นหลักคิด และเทคนิคง่ายๆ ที่สามารถเปลี่ยนชีวิตให้ดีขึ้นได้จริง
ผมกล้าพูดแบบนี้ เพราะตัวเองก็เคยทำมาบ้าง (แม้จะไม่สมบูรณ์เท่าที่เค้าแนะนำ) แค่นี้ยังเห็นผลดีอย่างมหาศาลแล้ว
ดูเสร็จทำให้ตัดสินใจได้เลยว่า… ที่ผ่านมายังทำได้ไม่ดีพอ… วันข้างหน้าจะทำให้ดีขึ้นตามคำแนะนำของเค้า
ลองคลิ๊กดูวิดีโอด้านล่างนี้นะครับ… ท่านใดฟังไม่ทัน หรือฟังไม่รู้เรื่อง ก็มี 2 ทางเลือกครับ
1) เปิด Subtitle/CC ขึ้นมาอ่านไปพร้อมๆ กับที่ฟัง (เป็น Subtitle อัตโนมัติ อาจมีผิดบ้าง แต่ไม่เสียสาระสำคัญ)
2) อ่านที่ผมสรุปเป็นภาษาไทย ด้านล่างวิดีโอ

Brian Tracy เริ่มต้นด้วยประโยคชวนคิดว่า
ทุกวันนี้มีการแข่งขันเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา…
ไม่ว่าเราจะรู้ตัวหรือไม่ เราเองก็อยู่ในการแข่งขันนั้นเสียแล้ว!
ดังนั้น ถ้าในทุกวันนี้ เรายังไม่เป็นคนที่ชอบใฝ่หาความรู้ จากการอ่าน จากการเข้าร่วมสัมมนาต่างๆ
หรือ กระทั่งจากการฟังเสียงอ่าน Audio Book ที่เป็นประโยชน์ไปพลางๆ ระหว่างเดินทาง
เราก็ควรจะรู้ไว้ว่า จะมีคนอื่นๆ ที่กำลังทำสิ่งเหล่านี้อยู่เป็นประจำ
และเมื่อต้องมีการแข่งขันเกิดขึ้น ก็คงจะเลี่ยงไม่ได้ที่คนกลุ่มนั่นล่ะ จะเป็นผู้ชนะ(คือประสบความสำเร็จ ก้าวหน้าขึ้นไป ขณะที่เรายังอยู่จุดเดิม)
เค้าจึงอยากกระตุ้นให้คนธรรมดาๆ อย่างพวกเรา ลุกขึ้นมา…
Develop Habit of Lifelong Learning
หรือ สร้างอุปนิสัยการเป็นนักเรียนรู้ตลอดชีวิตให้เกิดขึ้นกับตัวเอง
เค้าเชื่อว่า นี่เป็นอุปนิสัยสำคัญอย่างยิ่ง
ที่จะทำให้เราก้าวขึ้นไปสู่การเป็นบุคคลระดับ “แนวหน้า” ในสายงานที่เราทำอยู่ (หรือที่เราสนใจ)
นอกจากนั้น อุปนิสัยนี้ ยังจะนำมาซึ่ง “ผลพลอยได้” อีกหลายอย่าง ได้แก่
  • เราจะเป็นคนมองโลกในแง่ดี และคิดบวกได้มากขึ้น
  • มีพลังและความคิดสร้างสรรค์ที่มากขึ้น
  • เป็นคนที่มีความสุขขึ้น
ทั้งนี้ก็เพราะความรู้และทักษะที่เราได้จากการเป็น “Lifelong Learner” นั้น
จะช่วยให้เราเห็นโอกาสต่างๆ มากขึ้น เข้าใจโลกมากขึ้น และได้ตระหนักถึง “ศักยภาพที่แท้จริง” ของตัวเองมากขึ้น
เทคนิคที่เค้าแนะนำให้ใช้ เพื่อพัฒนาอุปนิสัยการเป็นนักเรียนรู้ตลอดชีวิตนั้น ก็สั้นๆ ง่ายๆ นั่นคือ

แค่อ่านหนังสือวันละ 30-60 นาที!

ด้วยอัตรานี้ 1 สัปดาห์ เราจะอ่านหนังสือได้ประมาณ 1 เล่ม
ซึ่งเค้าบอกว่า แค่นี้ก็เจ๋งแล้ว เพราะคนอเมริกันนั้น เฉลี่ยต่อปียังอ่านได้ไม่ถึงเล่มเลย
(สถิติตรงนี้ ของคนไทยผมว่าก็พอๆ กันครับ น่าจะแย่กว่าด้วยซ้ำ T-T)
แต่เค้าอยากให้คิดไปไกลกว่านั้น
ลองคิดดูว่าถ้าเราทำแบบนี้ได้ 1 ปี เราก็จะอ่านหนังสือได้ถึงกว่า 50 เล่ม
ซึ่งเค้าอ้างว่ามันเทียบเท่ากับการได้ “ปริญญาเอก ภาคปฏิบัติ” หรือ “Practical PhD” เลยทีเดียว
โดยเค้าอ้างถึงสถิติว่า การจะทำดุษฎีนิพนธ์ (Dissertation) เพื่อจบ ปริญญาเอกได้นั้น
มักต้องมีการค้นคว้าจากแหล่งข้อมูลต่างๆ เทียบเท่าหนังสือประมาณ 30-50 เล่ม
ยังไม่หยุดครับ…
เค้าให้ลองคิดต่อว่า ถ้าเราทำอย่างนี้ได้ต่อเนื่องไปซัก 10 ปีล่ะมันจะเท่ากับเราได้อ่านหนังสือใน Field หรือสายงานที่เราสนใจมากถึง 500 เล่มเลยทีเดียว!
ถ้าทำได้แบบนั้น…
เราจะไม่สามารถขึ้นไปเป็น “แนวหน้า” ของสายงาน หรือด้านที่เราสนใจได้เลยหรือ ?
เราจะไม่สามารถเป็นคนที่ “เชี่ยวชาญ” ที่สุดคนหนึ่งในงานที่เราทำเลยหรือ ?
และสุดท้าย เราจะไม่มี “รายได้” ที่ดีที่สุดในสายงานนั้นๆ ได้เลยหรือ ?

ทั้งหมดนี้… สามารถเริ่มได้เพียงสละเวลาดูทีวี ฟังวิทยุ หรืออ่านหนังสือพิมพ์ออกไปซักหน่อย
อาจจะต้องตื่นเช้าขึ้นอีกซักนิด… เพื่อให้เราได้มีเวลา “ลงทุนในตัวเอง
เพราะมันคือ “การลงทุนที่จะให้ผลตอบแทนได้คุ้มค่าที่สุด” ตลอดชีวิตที่เหลือของเรา!

กลับมาที่ประสบการณ์ของผมนะครับ…
  1. ผมเองแม้จะไม่ได้อ่านหนังสือได้ทุกวันขนาดนั้น… แต่ก็ถือว่าอ่านมากกว่าคนทั่วไป
  2. การเข้าสัมมนาต่างๆ นั้น ผมแทบไม่ได้ไป เพราะขี้เกียจเดินทาง และไม่ชอบคนเยอะ
    แต่ถามว่าดูทาง Youtube เยอะมั๊ย… ก็ต้องบอกว่าดูเยอะมากๆ
  3. เรื่อง Audio Book นั้น… ผมเสพจนไม่มีจะให้เสพแล้วครับ
นี่คือสิ่งที่ผมทำมาตลอด 10 ปี ที่ผ่านมา… ทำให้ผมไม่สงสัยคำแนะนำของ Brian Tracy เลย
มันอยู่ที่เราจะทำหรือไม่!
ทุกวันนี้ผมก็ยังไม่หยุด ที่จะศึกษาหาความรู้
เริ่มขยายตัวเองออกไปใน Field ในสาขาใหม่ๆ ที่เราชอบ และที่คิดว่าสำคัญ
ซึ่งรวมถึงการศึกษาทางใจ ทางธรรมมะด้วย…
เพราะท้ายที่สุด รู้ทุกอย่างท่วมหัว มีเงิน มีเกียรติ แต่ใจเป็นทุกข์มันก็ไม่มีประโยชน์อะไร!
คุณล่ะครับ อ่านบทความนี้จบ คิดจะทำอะไรต่อไปครับ ?
------------------------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น