ตัววัดผล Weekly จาก myFXbook 3 ตัว
1. ได้กำไรสุทธิ 270$ ต่อสัปดาห์ --> ได้มาแค่ 50.33$ ยังไม่ใกล้เป้าหมายเลย สัปดาห์ต้องไปให้ถึง 3% ให้ได้
2. กำไร 3% ต่อสัปดาห์ --> ได้แค่ 0.4%
3. Winning Rate = 70% ขึ้นไป --> สัปดาห์นี้ได้แค่ 51% ต่ำแว่าสัปดาห์ที่แรกอีก เราจะต้องรักษาระดับ Win Rate ให้ได้สูงกว่า 70% ให้ได้ เพราะเราเชื่อว่า ถ้า Win Rate > 70% โอกาสที่เราจะทำกำไร 3% ต่อสัปดาห์ก็เป็นไปได้สูง
ส่วนห้วข้อที่เราต้องพัฒนาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ผลเป็นดังนี้
1. ทำกำไรสุทธิให้ได้ต่อเนื่องและตามเป้า 270$ --> ยังคงทำไม่ได้ ได้แค่ 50$ ต้องพยายามทำใหม่สัปดาห์นี้
2. ทำกำไรให้ได้ 3% Port ต่อสัปดาห์ --> ยังคงทำไม่ได้ ได้แค่ 0.4% ต้องพยายามทำใหม่สัปดาห์นี้
3. เทรดให้ได้ Winning Rate = 70% ขึ้นไป --> ได้แค่ 51% เท่านั้น ต้องพัฒนาให้ดีกว่านี้
4. เทรด "ตามเทรน" ใหญ่ เช่น H1 & H4 & Day เท่านั้น เราจะไม่เข้าเทรดด้วย M30 ลงไป --> ยังคงผิดพลาดที่ไปเทรด "สวนเทรน" อยู่ทำให้เราขาดทุนเยอะทีเดียว สัปดาห์หน้าต้องห้ามใจตัวเองไม่เทรดสวนเทรนเด็ดขาด
5. อ่านหนังสือให้จบ 1 เล่ม --> อ่านไปได้แค่ 20% ของ Market Wizard เท่านั้น ต้องเร่งอ่านให้เร็วกว่านี้ ไม่งั้นจะไม่จบ 3 เล่มต่อเดือน
6. ทำตามแผนเทรดและมีวินัย --> ทำตามวินัยได้ แต่ทำตามแผนเทรดยังไม่ได้ เพราะเรายังมีการเข้าสวน Trend อยู่ ซึ่งมันไม่ใช่การ Counter Trend ทำให้เราขาดทุนโดยใช่เหตุ
7. ทำ Trading Plan & Review ทุกวัน --> Review ทำทุกวัน แต่ Trading Plan วันท้ายๆ เราเริ่มไม่ได้ทำ เพราะติดงาน แต่มันไม่ใช่ข้ออ้าง เราต้องทำให้ได้ทุกวัน
หัวข้อที่ต้องพัฒนาต่อในสัปดาห์หน้า
1. เทรด "Follow Trend" ของ H4 & D1 เท่านั้น
2. เล่น "Counter Trend" ได้เฉพาะ H1 เท่านั้น
3. เข้าออเดอร์ตามระบบที่เราวางไว้ทั้ง 2 ระบบคือ Follow Trend & Counter Trend เท่านั้น
4. วางระบบ KZM Gold เพื่อดูผลลัพธ์ว่าเป็นอย่างไรใน Demo
5. ทำ Trading Plan & Review ทุกวัน
6. ทำตามแผนเทรดแและวินัยในการเทรดให้ได้ทุกไม้
7. อ่านหนังสือให้จบ 1 เล่ม
8. เราต้องวางแผนทั้ง 2 ทางไว้เสมอในกรณีที่เราเล่น Counter Trend
สิ่งที่ได้เรียนรู้สัปดาห์นี้
2. เราไม่ควรตกใจไปกับแท่งเทียนแท่งเดียวและปิด order ทำให้เราปิดได้ราคาต่ำสุดของแท่ง สุดท้ายราคาดีดกลับมาจะ new high กำไรหายไปเกือบครึ่งทั้งๆ ที่ขาดแค่ 1 pip เราควรยึดตาม Trend เป็นหลัก
2. การดู Break TL เราต้องตี TL ให้ครอบไส้ทั้งหมด ไม่อย่างนั้นเราจะโดนหลอกอย่าง NU ได้ ต้องตีแบบเส้นสีเขียว แต่ NU แสบตรงที่ทำ Bull Trap ก่อนลงจริง แถมไปเกี่ยวเอา Buy Stop มาด้วย เจ็บหนักเลยคราวนี้
4 เวลาราคาเบรค TL ต้องทะลุขึ้นมาให้ชัดเจน ไม่ใช่เกาะ TL แล้วเบรคเหมือน NU
8. เบรค TL แล้วก็ไม่ยอมเข้า ตัดอารมณ์ "กลัวขาดทุน" ไม่ได้สักที เราต้องทำให้ตัวเองเป็นหุ่นยนต์สิ
12. บางทีเราน่าจะไปเทรด TF ที่ใหญ่ขึ้นคือ H4 และดูการย่อตัวใน H1 ถ้าเบรค เราก็เข้าเลยและถือยาว หรือเอากรอบ H4 เป็นหลัก แต่ SL เริ่มต้นดูจาก H1 ได้ เพราะเมื่อเบรค H1 เราจะได้จุด Low สุดสำหรับตั้ง SL ที่ดี
1. เราโดนเบรค TL หลอกอีกแล้ว จากการที่ราคาทิ้งลงมาและเพิ่งเบรคครั้งที่สอง อุตสาห์หลบครั้งแรกได้แล้วเชียว ครั้งหน้าคงต้องรอเล่นแท่งเทียนดีดแรงๆ เพื่อยืนยันการขึ้นซะแล้ว ดูแล้วไม่น่ารอด ราคาน่าหลุดทำ New Low เพราะเป็น Bull Trap ราคาลงมาทำ New Low จริงๆ
2. วันนี้เราขาดทุนครั้งใหญ่จากหลายไม้หลายตัวที่เปิดเมื่อคืน คือ AJ EU UCHF เพราะเราตั้งใจเล่น "สวนเทรน" ผลลัพธ์ คือ ราคาดีดกลับไปตามเทรนอย่างรุนแรง นอกจากเราจะขาดทุนแล้ว ยังตกรถครั้งใหญ่อีกต่างหาก การเทรดครั้งนี้ยืนยันได้แล้วว่า "เราไม่สามารถทำกำไรได้ทุกขา แต่ให้เราเลือกเล่นเฉพาะด้านเดียวกับเทรนพอแล้ว" เพื่อหลีกเลี่ยงการขาดทุนและรักษากำไรที่หามาเอาไว้ บวกกำไรที่ได้จากการเล่นตามเทรน
3. วันนี้ที่เราพลาดอีกอย่างคือ เราไม่ยอมตั้ง Stop Order ในตัวที่เราควรตั้งคือ EU UCHF UCAD ดันไปตั้งไอ้ตัวที่ทำให้ขาดทุนคือ UCHF EU แบบสวนเทรน กลายเป็นขาดทุนเพิ่มเลย เลิกเล่นสวนเทรนได้แล้ว เราไม่สามารถเอาชนะการสวนเทรนได้หรอก "เราต้องวางแผนไว้ 2 ทางเสมอ"
2. การแยกแยะชุด correction กับการตั้ง Trend ใหม่ ให้ใช้การเบรค TL มาช่วย
ถ้าราคาเป็น correction หลุด TL รับโดยที่ยังไม่เบรค TL ต้าน แบบนี้คือ correction เข้าได้ตั้งแต่ราคาหลุด TL เลย
ถ้าตั้ง Trend ใหม่ คือราคาวิ่งขึ้นมาอย่างแรงและเบรค TL ต้านแบบห่างๆ เลย ไม่เกาะแถว TL ต้าน แบบนี้น่าจะเป็น W1 หรือ WA การย่อลงมาทำ throwback อาจจะไม่ทำ New Low แล้ว คราวนี้ให้เอา Stoch มาช่วยจับการลงมาสุดและจะขึ้นอีกครั้ง ถ้าราคาไม่ new low ก็เข้าได้เลย
3. ในแต่ละจุดที่เข้า ได้แค่ 1 ไม้ต่อ 1 เหตุผลเท่านั้น ไม่ใช่เข้าในจุดเดียวกัน 2 ไม้พร้อมกัน เช่น NU & XAU เพราะถ้าพลาด ทำให้เรามีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นอีก
1. การเทรดแบบ Trend Following เหมือนกับเราเป็น Project Sales ล่ะ กำไรอาจจะเยอะ แต่ระยะเวลาการได้เงินไม่แน่นอน แต่การเทรดแบบ Generate Cash Flow เหมือนเราเป็น Product Sales ขายของง่ายๆ ทุกวัน ทำให้มีเงินเข้ามาตลอด กำไรอาจน้อยกว่า แต่มีกำไรในทุกวันได้ ดังนั้น เราต้องสร้างระบบการเทรดที่รองรับทั้ง 2 ระบบขึ้นมา เพื่อให้เราทำกำไรได้ตลอดเวลา
3. ในแต่ละจุดที่เข้า ได้แค่ 1 ไม้ต่อ 1 เหตุผลเท่านั้น ไม่ใช่เข้าในจุดเดียวกัน 2 ไม้พร้อมกัน เช่น NU & XAU เพราะถ้าพลาด ทำให้เรามีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นอีก
2. ลองปรับวิธีเทรดของเรา โดย
หาเป้า Day
เทรดตาม Trend H4
หาจังหวะเข้าจากการ Break TL H1
3. ไม้ที่เข้าแต่ละไม้จะแบ่งตามหน้าที่ของมัน
1) ไม้แรก ตั้งรับที่ CH เพื่อเล่นเด้ง จะได้ทุนดี
2) ไม้สอง เข้าเมื่อราคาเบรค TL ย่อยของ Trend เล็กที่ลงมานั้น เพราะคาดว่าเบรค Trend ลงขึ้นมา มีโอกาสกลับตัวขึ้นสูงขึ้น
3) ราคาเบรค TL ต้านของ Trend เล็กนั้นขึ้นมา เผื่อกรณีที่ราคาพุ่งขึ้นไปเลย
4) ราคาย่อลงมาทำ Throw back บนเส้น TL ต้านนั้น ราคาต้องขึ้นมาเหนือ TL อย่างน้อย 5-10 แท่ง
5) ราคาเบรค New High ไว้ใช้กรณีที่ยังได้ไม่ครบ 4 ไม้
6) เมื่อราคาขึ้นมาจริงและขยับ TS จนทุนเป็นศูนย์ให้หาจังหวะเข้าเพิ่มตอนราคา Sideway และเบรค New High ใน TF เล็ก โดยคำนวณ RR จากเป้า TF หลักให้ได้ RR=1.5-2 จะเข้าเต็มไม้ แต่ถ้า RR=1 ให้เข้าแค่ครึ่งไม้
เป้าคือ CH บนของ TF หลัก หรือ เป้า Fibo TF ใหญ่กว่า
เข้าครั้งแรก เข้าได้สูงสุด 4 ไม้ และ 1% Port
เป้าหมายสัปดาห์นี้เราจะต้อง มีกำไรจากการเทรดสุทธิ 3% ต่อสัปดาห์ให้ได้ และอ่านหนังสือให้จบอีก 1 เล่ม
เป้าหมายสัปดาห์นี้เราจะต้อง มีกำไรจากการเทรดสุทธิ 3% ต่อสัปดาห์ให้ได้ และอ่านหนังสือให้จบอีก 1 เล่ม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น